ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด คงจะมีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ไว้ที่ร้อยละ 2.00 ในการประชุมรอบที่สี่ตามวาระปกติแต่เป็นรอบที่ห้าของปีนี้ในวันที่ 24-25 มิถุนายน 2551 นี้ และเฟดน่าที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำนี้ต่อเนื่องต่อไปอย่างน้อยก็ในช่วงไตรมาสข้างหน้า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและภาคสถาบันการเงินของสหรัฐฯที่ยังมีความอ่อนแอ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังไม่ได้เร่งตัวขึ้นมากจนน่าวิตกกังวล โดยโอกาสที่เฟดจะเร่งรีบตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะเวลาอันใกล้นี้ น่าจะมีจำกัด ถึงแม้ว่าเฟดจะออกมาแสดงความวิตกกังวลมากขึ้นต่อภาวะเงินเฟ้อ กระนั้นก็ตาม เชื่อว่าเฟดจะยังคงพยายามควบคุมการคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อไม่ให้เร่งตัวขึ้นจนมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ด้วยวิธีการต่างๆ นอกเหนือจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งจะดำเนินการก็ต่อเมื่อเฟดมีความมั่นใจว่าความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอตัวลงไปอีกมีน้ำหนักที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญแล้ว
สำหรับผลกระทบต่อไทยนั้น ความพยายามในการบริหารจัดการการคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อของเฟด อาจทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯปรับตัวแข็งค่าขึ้นเป็นระยะๆ แต่ข่าวร้ายในสหรัฐฯ หรือกระแสการคาดการณ์ต่อแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป ก็อาจจะทำให้เงินดอลลาร์ฯยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลงได้ในบางช่วง ดังนั้น ความเคลื่อนไหวที่ยังมีแนวโน้มผันผวนของเงินดอลลาร์ฯ ผนวกกับปัจจัยลบภายในประเทศหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นฐานะดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่มีแนวโน้มเกินดุลลดลงจากการเร่งตัวของการนำเข้าตามราคาน้ำมันที่ยืนอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง และปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง อาจจะยังส่งผลให้เงินบาทมีแนวโน้มปรับตัวผันผวนในกรอบที่อ่อนค่าลงในระยะสั้น ในขณะที่ การตัดสินใจทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของทางการไทย คงจะขึ้นอยู่กับการให้น้ำหนักความเสี่ยงต่อปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก โดยท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยในที่สุดแล้วอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น