ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกรายงาน ;แนวโน้มเงินเฟ้อ” ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นรายไตรมาส เพื่อนำเสนอกรอบประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและเงินเฟ้อในช่วง 8 ไตรมาสถัดไป โดยธปท.ได้ทำการปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2551 และ 2552 ลงเล็กน้อย ในขณะที่ ได้ปรับเพิ่มประมาณการอัตราเงินเฟ้อปี 2551 และ 2552 ค่อนข้างมาก พร้อมกันนี้ ธปท. ยังได้ชี้แจงในแถลงข่าวว่า การพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเหนือกรอบเป้าหมายของธปท.นั้น มีสาเหตุมาจากปัจจัยภายนอกซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุม นอกจากนี้ ธปท.ยังคาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้ว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะทรงตัวอยู่เหนือขอบบนของกรอบเป้าหมายไปอีกระยะหนึ่ง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีมุมมองว่า แรงกดดันจากเงินเฟ้อจะยังคงเป็นโจทย์ทางด้านเสถียรภาพภายในประเทศที่ท้าทายการดำเนินนโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวอยู่เหนือกรอบบนของเป้าหมายในการดำเนินนโยบายการเงินของกนง.ที่ร้อยละ 3.5 ต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า มีความเป็นไปได้ว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะยังคงปรับตัวอยู่เหนือระดับร้อยละ 4.0 ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 และต่อเนื่องไปยังช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 ในขณะที่ โอกาสของการปรับตัวกลับเข้ามาสู่กรอบเป้าหมายนโยบายการเงินที่ร้อยละ 0-3.5 นั้น อาจเริ่มเกิดขึ้นได้ในช่วงเดือนเมษายน 2552 เป็นอย่างเร็ว
แม้ว่าธปท.จะกล่าวว่า จะดำเนินนโยบายการเงินเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงมาอยู่ในกรอบร้อยละ 0-3.5 ภายใน 8 ไตรมาสข้างหน้า แต่อาจกล่าวได้ว่าเงื่อนระยะเวลาที่ธปท.ระบุดังกล่าว มีความยืดหยุ่นค่อนข้างมาก ในขณะเดียวกัน เมื่อคำนึงถึงแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 จึงทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ในทางปฏิบัติธปท.จะสามารถดำเนินนโยบายการเงินได้เข้มงวดมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญที่ยังคงต้องติดตามอีกประเด็นหนึ่งก็คือ การเปลี่ยนแปลงในคณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งจะมีการแต่งตั้ง กนง.ชุดใหม่ ภายใต้ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงินชุดปัจจุบัน กำลังจะหมดวาระลงในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น