Display mode (Doesn't show in master page preview)

28 พฤศจิกายน 2551

ตลาดการเงิน

การประชุม 3 ธ.ค. ... คาด กนง.ลดดอกเบี้ยร้อยละ 0.25-0.50 (มองเศรษฐกิจฉบับที่ 2362)

คะแนนเฉลี่ย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุมรอบสุดท้ายของปีตามวาระปกติในวันที่ 3 ธันวาคม 2551 นี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) อาจมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างน้อยร้อยละ 0.25 โดยไม่ละเลยกรณีที่ กนง.อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.50 เพื่อดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไทยโดยรวมท่ามกลางความเสี่ยงด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นชัดเจน จากประเด็นปัญหาการเมืองในประเทศและวิกฤตเศรษฐกิจการเงินโลก ในขณะที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อบรรเทาเบาบางลงมากและเอื้อต่อการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งตลาดก็ได้มีการปรับตัวรับการคาดการณ์ต่อแนวโน้มนโยบายอัตราดอกเบี้ยขาลงของ กนง.ไปบ้างแล้วในระดับหนึ่ง ดังจะเห็นได้จากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง.หากเกิดขึ้นตามที่คาด ก็คงจะเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับนโยบายอัตราดอกเบี้ยของประเทศส่วนใหญ่ในโลก อย่างไรก็ตาม ขนาดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง.ในการประชุมรอบนี้ คงจะขึ้นอยู่กับมุมมองหรือดุลพินิจของ กนง.ว่าจะประเมินผลกระทบจากปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศที่มีต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมอย่างไร รวมถึงประเด็นการส่งผ่านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายดังกล่าวไปสู่ตลาดการเงินและภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงว่าจะมีประสิทธิผลและใช้ระยะเวลามากน้อยเพียงใดอีกด้วย ทั้งนี้ นอกจากการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยแล้ว เป็นที่คาดการณ์ว่า ทางการไทยคงจะจับตาการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อให้พร้อมที่จะดำเนินนโยบาย/มาตรการตามความจำเป็น โดยเฉพาะในด้านการดูแลความเพียงพอของสภาพคล่องในระบบการเงิน ตลอดจนความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เพื่อมุ่งเน้นการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นสำคัญ

สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แม้ว่า กนง.จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ไม่ว่าด้วยขนาดมากน้อยเท่าใด แต่ประเด็นที่ยังคงต้องติดตามและเป็นความท้าทาย ก็คือ การบริหารกลไกการส่งผ่านการเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ไปสู่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง เพราะท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนทั้งในและต่างประเทศ ได้ส่งผลให้สถาบันการเงินยังคงมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษและตราสารทางการเงินที่ระดับอัตราดอกเบี้ยจูงใจเพื่อระดมเงินและเพื่อให้มั่นใจว่าตนมีสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอสำหรับรองรับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งต้นทุนในระบบการเงินที่ยังคงปรับขึ้นนี้ อาจทำให้เป็นการยากที่สถาบันการเงินจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยอื่นๆ ลงตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของทางการ

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


ตลาดการเงิน