Display mode (Doesn't show in master page preview)

3 เมษายน 2552

ตลาดการเงิน

คาด กนง.ลดดอกเบี้ยลงอีกไม่น้อยกว่า 0.25% (มองเศรษฐกิจฉบับที่ 2475)

คะแนนเฉลี่ย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในการประชุมรอบที่สามของปีในวันที่ 8 เมษายน 2552 นี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลงอีกไม่น้อยกว่า 0.25% (โดยการปรับลด 0.50% ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน) จาก 1.50% มาที่ 1.25% หรือต่ำกว่านั้น เนื่องจากปัจจัยลบทั้งจากในและต่างประเทศยังคงเป็นแรงกดดันและทำให้ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมีน้ำหนักที่สำคัญอย่างชัดเจนมากกว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อซึ่งน่าจะยังไม่ใช่ประเด็นที่น่าวิตกในช่วงปีนี้

ทั้งนี้ แม้ว่าการส่งผ่านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของทางการอาจมีประสิทธิผลที่ไม่เต็มที่นักภายใต้จังหวะเวลาที่ความเสี่ยงด้านเครดิตยังคงมีอยู่มากเช่นปัจจุบัน อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยในระบบการเงินที่ปรับลดลงอาจไม่ใช่ปัจจัยเพียงประการเดียวที่จะสามารถพลิกฟื้นภาวะเศรษฐกิจได้ แต่อย่างไรก็ตาม ธปท.คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจำต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก ควบคู่ไปกับการดูแลสภาพคล่องในระบบให้มีอยู่อย่างเพียงพอสำหรับทุกภาคส่วนเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการทรุดตัวลงอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจไทย

ขณะเดียวกันก็รอเวลาที่การดำเนินนโยบายการคลังผ่านการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ และการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาล รวมถึงการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลงอย่างต่อเนื่องของ ธปท. จะเริ่มทยอยปรากฏผลในการช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้หลุดพ้นจากภาวะซบเซาเช่นเดียวกันกับภาวะเศรษฐกิจโลก สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ไทยนั้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า หาก กนง.มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกตามที่คาด ธนาคารพาณิชย์อาจมีแนวโน้มขยับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้กู้ยืมลงตาม แต่อาจด้วยขนาดที่ไม่มากนัก เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปัจจุบันค่อนข้างต่ำและแทบจะไม่มีความแตกต่างระหว่างประเภทอายุเงินฝากแล้ว อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในการระดมเงินทุนของธนาคารพาณิชย์อาจยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในระยะข้างหน้า ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษ รวมถึงการออกตั๋วแลกเงินและหุ้นกู้ ด้วยเงื่อนไขผลตอบแทนที่จูงใจ ซึ่งนอกจากจะเป็นไปเพื่อการรักษาฐานลูกค้าและการบริหารจัดการสภาพคล่องของแต่ละธนาคารแล้ว ยังเป็นการล็อคเงินทุนด้วยต้นทุนในระดับต่ำไว้เพื่อรองรับการขยายธุรกิจโดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจสามารถจะฟื้นตัวขึ้นได้ในอนาคตอีกด้วย

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


ตลาดการเงิน