ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) คงจะมีมติไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน หรือมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันไว้ที่ร้อยละ 1.25 ตามเดิมในการประชุมรอบที่ 5 ของปีในวันที่ 15 กรกฎาคม 2552 เนื่องจากการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่องในทิศทางที่ประสานกับนโยบายการคลังจากภาครัฐ ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นท่ามกลางความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่การฟื้นตัวยังคงต้องใช้เวลาและยังมีความเปราะบางอยู่มาก นอกจากนี้ ยังคงต้องติดตามประเด็นที่อาจมีอิทธิพลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไปอีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการทยอยฟื้นตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจแกนหลักของโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมีมุมมองในเชิงที่ระมัดระวังว่าการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของเศรษฐกิจโลกน่าจะเกิดขึ้นในปีหน้ามากกว่าในปีนี้ การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ ซึ่งย่อมจะมีผลต่อความเชื่อมั่นและการลงทุนของภาคเอกชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่ แรงกดดันเงินเฟ้อในประเทศที่ยังคงมีระดับต่ำ ก็ยังน่าที่จะเอื้อให้ กนง.สามารถดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไปได้ตลอดระยะที่เหลือของปีนี้
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า นอกจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว การดำเนินการปรับเปลี่ยนทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ คงจะขึ้นอยู่กับการคาดการณ์สภาวะตลาดของธนาคารแต่ละแห่ง ภาวะการแข่งขันทั้งกับธนาคารพาณิชย์ด้วยกันเองและกับช่องทางการออมอื่นๆ รวมไปถึงการบริหารจัดการสมดุลสภาพคล่องของแต่ละธนาคาร เป็นสำคัญ โดยแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของทางการอาจจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่การคาดการณ์ถึงการทยอยฟื้นตัวดีขึ้นของภาวะเศรษฐกิจและความต้องการสินเชื่อในระยะข้างหน้า ประกอบกับแนวโน้มการทยอยปรับลดลงของสภาพคล่องที่ธนาคารพาณิชย์ (ซึ่งเป็นผลจากการที่ผู้ออมโยกย้ายเงินฝากออกไปแสวงหาผลตอบแทนการลงทุนในช่องทางอื่น โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชน ที่คาดว่าจะยังคงมีปริมาณอุปทานค่อนข้างสูงในระยะข้างหน้า) อาจเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ยังคงต้องแข่งขันกันนำเสนอโครงการเงินออมระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนจูงใจออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาฐานเงินทุนและลูกค้าของตนไว้สำหรับรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น