ในช่วงบ่ายวันที่ 26 สิงหาคม 2552 คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน ไว้ที่ร้อยละ 1.25 ตามคาด ทั้งนี้ แถลงการณ์หลังการประชุมกนง.บ่งชี้มุมมองเศรษฐกิจในเชิงบวกต่อเนื่องจากการประชุมรอบก่อนหน้าในเดือนกรกฎาคม 2552 โดยกนง.ระบุหลังการประชุมว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินระหว่างประเทศปรับตัวดีขึ้นจากการประชุมครั้งก่อน โดยการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2/2552 ของกลุ่มประเทศ G-3 และเอเชียส่วนใหญ่มีทิศทางที่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า แต่กนง.ยังคงประเมินว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่มาก
สำหรับเศรษฐกิจไทย กนง.ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยมีทิศทางที่ดีขึ้นในไตรมาส 2/2552 โดยอัตราการหดตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน (YoY) ลดลง และขยายตัวเป็นบวกเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2552 (QoQ) ขณะที่ เครื่องชี้เศรษฐกิจล่าสุดในภาคอุตสาหกรรม การส่งออก การจ้างงาน และการใช้จ่ายภาคเอกชนปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น
แม้ว่าสัญญาณเชิงบวกของเศรษฐกิจไทยจะทยอยปรากฏขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และอาจมีความต่อเนื่องไปในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจได้ลดระดับความเข้มข้นลงเท่านั้น แต่หากมองไปข้างหน้าจะเห็นว่า ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัยที่ต้องเฝ้าระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไป ก็คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐแล้ว เสถียรภาพทางการเมืองในประเทศก็คงเป็นตัวแปรสำคัญที่ไม่อาจละเลยจากการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไปได้ เพราะต้องยอมรับว่าประเด็นดังกล่าวจะมีนัยต่อเนื่องมายังความเชื่อมั่นของภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ และอาจส่งผลต่อการเบิกจ่ายเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
นอกจากนี้ ทิศทางราคาน้ำมันก็ยังเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ เนื่องจากหากราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นเร็วและแรงกว่าที่คาด ก็อาจมีผลกระทบต่อโมเมนตัมของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ตลอดจนการตัดสินใจเชิงนโยบายการเงินของธปท.ได้
ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า กนง.น่าที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับปัจจุบันที่ร้อยละ 1.25 ในช่วงที่เหลือของปี 2552 นี้ และอาจต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 โดยกระแสการคาดการณ์ต่อวัฏจักรขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวน่าที่จะได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย ตลอดจนแรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจตามมาอย่างชัดเจนในช่วงเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์คงจะทยอยเข้าสู่รอบของวัฏจักรขาขึ้นก่อนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธปท. ตามภาวะสภาพคล่องของสถาบันการเงินที่จะต้องเผชิญกับผลิตภัณฑ์ทางเลือกในการออมประเภทอื่นๆ ที่ให้อัตราผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ขณะที่ กิจกรรมทางเศรษฐกิจอาจมีความแข็งแกร่งมากขึ้นในระยะถัดไปก็อาจทำให้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์พลิกกลับมาขยายตัวอีกครั้งหนึ่ง
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น