ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า พันธบัตรออมทรัพย์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท ที่มีกำหนดเปิดจำหน่ายในระหว่างวันที่ 3-4 และ 7 กันยายน 2552 นี้ น่าจะยังคงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในปัจจุบันทางเลือกการออมของนักลงทุนนับว่ามีเพิ่มขึ้นมาก โดยนอกเหนือจากพันธบัตรออมทรัพย์ ธปท.แล้ว ยังมีความเป็นไปได้ที่ในระยะข้างหน้ารัฐบาลอาจจะมีการออกพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งเพิ่มเติมอีก รวมทั้งทางเลือกการออมที่เสนอโดยภาคเอกชนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หุ้นกู้ กองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ตั๋วแลกเงิน รวมถึงผลิตภัณฑ์เงินฝากระยะยาวพิเศษ ซึ่งก็น่าที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ออมในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันได้หลากหลายมากขึ้น
สำหรับผลกระทบต่อสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ไทยนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การออกพันธบัตรออมทรัพย์ ธปท.ดังกล่าว คงจะมีผลกระทบต่อฐานะสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ไทย ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากคาดว่า ธปท.คงจะนำเงินที่ระดมได้จากการออกพันธบัตรออมทรัพย์ไปรองรับการครบกำหนดของพันธบัตรออมทรัพย์ช่วยชาติที่กระทรวงการคลังออกไปในปี 2545 และได้ครบกำหนดในวันที่ 2 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา ในขณะที่ คาดว่าบรรดาสถาบันการเงินต่างๆ คงจะยังต้องติดตามสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการฟื้นตัวตามมาของการขยายสินเชื่อ และทำการจัดเตรียมสภาพคล่องไว้สำหรับรองรับการดำเนินธุรกิจท่ามกลางภาวะดังกล่าว โดยการทยอยนำเสนอผลิตภัณฑ์การออมในรูปแบบต่างๆ ที่ให้ผลตอบแทนจูงใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาฐานลูกค้าและสมดุลสภาพคล่องไว้รองรับการเติบโตทางธุรกิจเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น