ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในการประชุมรอบที่ 6 ของปีในวันที่ 22-23 กันยายน 2552 คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด คงจะมีมติให้ยืนอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ไว้ที่กรอบร้อยละ 0-0.25 ตามเดิม โดยถึงแม้ว่าสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯจะทยอยปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้น ซึ่งสะท้อนว่าภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจจะได้สิ้นสุดลงแล้ว สอดคล้องกับความเห็นของประธานเฟดที่กล่าวในวาระการครบรอบ 1 ปีหลังการล้มละลายของบริษัท เลห์แมน บราเธอร์ส แต่เครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการเป็นหลัก โดยที่ยังคงมีความไม่ชัดเจนว่าเครื่องชี้เหล่านั้นจะยังรักษาโมเมนตัมการฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะหากมาตรการของทางการทยอยลดบทบาทลงในระยะข้างหน้า นอกจากนี้ ตลาดแรงงานและภาคอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯก็ยังคงอยู่ในภาวะอ่อนแอและคาดว่าจะยังต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรกว่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติ และเมื่อประกอบกับกำลังการผลิตส่วนเกินในภาคอุตสาหกรรมที่ยังมีเหลืออยู่อีกมาก ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้อในด้านอุปสงค์ยังคงมีระดับต่ำ ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เฟดยังคงมีความยืดหยุ่นที่จะดำเนินนโยบายการเงินในเชิงผ่อนคลายเช่นปัจจุบันนี้ต่อไปได้อย่างน้อยก็ตลอดระยะที่เหลือของปีนี้ ในขณะเดียวกัน เพื่อไม่ให้กระแสการคาดการณ์ในเชิงบวกของตลาดมีมากเกินไปหรือเกิดขึ้นเร็วเกินไป จนอาจส่งผลลบให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯต้องสะดุดลง เฟดอาจระบุในแถลงการณ์หลังการประชุมว่า พร้อมที่จะถอยออกจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษนี้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม และจะจับตาความเสี่ยงด้านเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นที่คาดการณ์อย่างกว้างขวางว่าเฟดน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่กรอบเดิมในการประชุมวันที่ 22-23 กันยายนนี้ แต่ประเด็นสำคัญที่ตลาดคงจะจับตาเป็นพิเศษ คงจะได้แก่ แถลงการณ์หลังการประชุมของเฟด โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำเสียงหรือท่าทีที่เฟดมีต่อโครงการในการรับซื้อหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ เพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาดการเงิน ซึ่งกำลังจะเข้าใกล้วงเงินที่วางกรอบไว้หรือใกล้จะหมดอายุลงแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การรับซื้อตราสารหนี้ที่หนุนหลังด้วยสัญญาจำนองที่ออกโดยหน่วยงานด้านการจำนองที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล (Agency Mortgage-Backed Securities) การรับซื้อตราสารหนี้ที่ออกโดยหน่วยงานด้านการจำนองที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล (Housing Related Government Sponsored Enterprises) และการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าเฟดจะมีการขยายวงเงินหรือต่ออายุโครงการเหล่านี้ออกไปหรือไม่ ทั้งนี้ น้ำเสียงหรือท่าทีที่เฟดมีต่อโครงการเหล่านี้ ตลอดจนความคิดเห็นต่อตลาดแรงงานและตลาดอสังหาริมทรัพย์ ย่อมสะท้อนถึงมุมมองที่เฟดมีต่อภาพรวมแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดการเงินของสหรัฐฯว่ามีความแข็งแกร่งเพียงใด ซึ่งท้ายที่สุดแล้วคงจะมีผลต่อการปรับตัวของตลาดเงิน-ตลาดทุนทั่วโลกในระยะถัดไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น