ในภาวะที่ปีเก่ากำลังจะผ่านพ้นไป และปีใหม่กำลังจะก้าวเข้ามา ... ผู้มีเงินออมอาจต้องเริ่มวางแผนการออมล่วงหน้า เพื่อให้เงินออมดังกล่าวสามารถสร้างผลตอบแทนสูงสุด ภายใต้กรอบความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยเมื่อมองไปในอีก 12 เดือนข้างหน้า ผู้มีเงินออมอาจต้องเตรียมตัวเพื่อรับมือกับสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย และอัตราแลกเปลี่ยนที่แตกต่างออกไปจากในปี 2552 ซึ่งอาจส่งผลให้การเลือกช่องทางการออมเงินต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก อาทิ หุ้น ทองคำ และน้ำมัน เนื่องจากราคาของสินทรัพย์ดังกล่าว มีความเสี่ยงที่จะปรับฐานสูงขึ้น ขึ้นกับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเปิดเผยในอนาคต ทำให้ผู้มีเงินออมที่เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและความผันผวนค่อนข้างสูงดังกล่าว คงต้องตระหนักว่า การทำกำไรในปี 2553 นี้ ต้องอาศัย ;จังหวะที่เหมาะสม” ในการเข้าลงทุน และเทขายทำกำไรมากขึ้น อีกทั้ง ภาพรวมของผลตอบแทนที่ได้รับในปี 2553 ยังน่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปี 2552 ที่เคยให้ผลตอบแทนสูงกว่า 20% ต่อปี
สำหรับผู้มีเงินออมที่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ในขอบเขตที่จำกัดและต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ ก็อาจเลือกพักเงินไว้ในกองทุนตลาดเงิน เพื่อรอจังหวะการเข้าลงทุนในช่องทางการออมที่น่าสนใจอื่นๆ ที่อาจทยอยนำเสนอสู่ตลาดในช่วงระหว่างปี 2553 ไม่ว่าจะเป็นกองทุนพันธบัตรต่างประเทศ ภายใต้เงื่อนไขด้านอัตราผลตอบแทน อันดับความน่าเชื่อถือของประเทศที่ไปลงทุน และนโยบายการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ขณะที่ ในกรณีที่มีการออกกองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้เพิ่มเติมในปี 2553 นั้น แม้ว่าผู้ลงทุนอาจได้รับผลตอบแทนในภาพรวมที่ต่ำกว่าในปี 2552 จากต้นทุนการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่อัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับดังกล่าว ก็ยังน่าจะอยู่ในระดับที่ดึงดูดกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ไทย
นอกเหนือจากนั้น ผู้มีเงินออมอาจรอลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน รวมถึงผลิตภัณฑ์เงินฝากแบบพิเศษ ที่คงจะเรียงแถวออกสู่ตลาดในช่วงระหว่างปี หากผู้มีเงินออมพอใจกับเงื่อนไขด้านอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาการออมที่แตกต่างกันของแต่ละทางเลือกในการออม นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารพาณิชย์คงจะเร่งผลักดันการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านช่องทางการขายต่างๆ ในจังหวะที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศยังไม่ถูกปรับขึ้น ซึ่งก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากแรงจูงใจด้านอัตราดอกเบี้ยแล้ว ผู้มีเงินออมยังได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีพ่วงมาด้วย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น