Display mode (Doesn't show in master page preview)

23 เมษายน 2553

ตลาดการเงิน

ผลประกอบการแบงก์ไตรมาสแรกปี 2553 ปรับตัวดีขึ้น ... แต่แนวโน้มเริ่มซับซ้อนมากขึ้นจากปัญหาการเมือง (มองเศรษฐกิจฉบับที่ 2810)

คะแนนเฉลี่ย

ล่าสุด ธนาคารพาณิชย์ไทยได้ประกาศผลประกอบการ (ก่อนสอบทาน) ในไตรมาส 1/2553 ปรากฏว่า มีกำไรสุทธิ 2.83 หมื่นล้านบาท ซึ่งปรับตัวดีขึ้น 28.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) และ 18.3% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ตลอดจนสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ อันสะท้อนอานิสงส์จากภาพรวมเศรษฐกิจจากทั้งในและนอกประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองออกไปในไตรมาสที่เหลือของปีนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความเสี่ยงด้านการเมืองอาจมีผลลดทอนปัจจัยบวกของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งออกที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และทำให้ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไม่สามารถรับรู้ผลบวกดังกล่าวต่อความสามารถในการทำกำไรได้อย่างเต็มที่ ผ่านการชะลอตัวของความต้องการสินเชื่อของภาคเอกชน โดยเฉพาะจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในธุรกิจท่องเที่ยว บริการที่เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนค้าปลีกในบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ชุมนุม เช่นเดียวกับการบั่นทอนความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าว นอกจากนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อรายย่อย อาทิ การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล ก็น่าจะลดความสดใสลงเช่นกัน ปัจจัยต่างๆ ดังกล่าว ผนวกกับโอกาสที่ธนาคารพาณิชย์อาจเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปสอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (ซึ่งทำให้ธนาคารพาณิชย์เสียโอกาสการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในช่วงสั้นๆ) อาจทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยสำหรับทั้งปี 2553 มีโอกาสปรับตัวลดลงต่ำกว่าในไตรมาส 1/2553 ขึ้นกับระดับความรุนแรงและยืดเยื้อของปัญหาทางการเมือง

กระนั้นก็ดี ท่ามกลางความเสี่ยงทางการเมืองที่ยากจะคาดเดาว่าจะยุติลงเมื่อใดและในรูปแบบใด คาดว่าธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งคงจะเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวและผลกระทบต่อธุรกิจของลูกค้าอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาทางการเงินจากวิกฤตการเมืองในครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่ลูกค้าดังกล่าวจะเลื่อนชั้นลงไปเป็นลูกหนี้เอ็นพีแอลไปได้พร้อมๆ กัน นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารพาณิชย์คงเร่งเตรียมความพร้อมด้านสภาพคล่อง จัดทำแผนฉุกเฉินสำรอง (BCP) เพื่อลดความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ ตลอดจน จัดทำ Stress Test โดยเฉพาะสำหรับความเสี่ยงด้านเครดิต เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับเหตุการณ์อันไม่คาดคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าระดับเงินกองทุนปัจจุบัน จะอยู่ในระดับสูงกว่า 15% ต่อสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งถือว่ามีความมั่นคงมาก ก็ตาม

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


ตลาดการเงิน