ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) คงจะมีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันไว้ที่ร้อยละ 1.25 ตามเดิมในการประชุมรอบที่ 4 ของปีในวันที่ 2 มิถุนายน 2553 เพื่อติดตามความเสี่ยงด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีน้ำหนักเมื่อเทียบกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ยิ่งในสภาวะที่สถานการณ์การเมืองในประเทศเพิ่งเริ่มคลี่คลาย และยังต้องใช้เวลาพอสมควรในการฟื้นฟูและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ประกอบกับสถานการณ์แวดล้อมทางเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงจากความเป็นไปได้ที่วิกฤตการคลังอาจลุกลามไปสู่ภาคธนาคารในภูมิภาคยุโรป รวมถึงความตึงเครียดทางการเมืองในคาบสมุทรเกาหลีที่ปะทุขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดอาจมีผลต่อเส้นทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง ในขณะเดียวกัน แรงกดดันเงินเฟ้อของไทยที่ยังมีแนวโน้มไม่เร่งตัวขึ้นในระยะสั้น ก็น่าที่จะเอื้อให้ กนง.สามารถดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำได้อย่างต่อเนื่อง และรอจังหวะเวลาของสภาพเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวยกว่านี้จึงค่อยพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยเข้าสู่ระดับที่เป็นปกติมากขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมของ กนง. คงจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินในประเทศยังมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง (แม้ต้นทุนทางการเงินในต่างประเทศอาจขยับสูงขึ้นจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นหลัก) ซึ่งก็น่าจะเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการฟื้นตัวของการใช้จ่ายและการลงทุนในประเทศ สำหรับการแข่งขันทางด้านราคาในเชิงรุกผ่านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไปของสถาบันการเงินนั้น คงจะต้องรอสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนของความต้องการสินเชื่อของภาคธุรกิจและครัวเรือนซึ่งเชื่อมโยงอย่างมากของภาวะเศรษฐกิจ ตลอดจนขึ้นอยู่กับการดำเนินกลยุทธ์เพื่อรับมือกับทางเลือกการออมประเภทอื่นๆ เป็นสำคัญ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น