สำหรับในไตรมาส 2/2553 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ไทยอาจรายงานกำไรสุทธิ (ไม่รวมกำไรจากการขายหุ้นของธนาคารพาณิชย์) ที่ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) อันเป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลรับสุทธิที่ลดความสดใสลง สอดคล้องกับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะขยับลงประมาณ 6-10 จุด มาที่ 3.35-3.39% หลังจากขาดปัจจัยหนุนจากการครบกำหนดของเงินฝากประจำพิเศษที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูง (ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนดอกเบี้ยจ่าย) และเงินปันผลจากกองทุนรวมวายุภักษ์ ดังเช่นที่ปรากฏขึ้นในไตรมาส 1/2553 ขณะที่ แม้สินเชื่อจะเติบโตได้ดีเหนือความคาดหมาย โดยที่ไม่ได้รับผลกระทบที่ชัดเจนจากปัญหาการเมือง แต่การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อดังกล่าว ก็น่าจะยังโน้มเอียงไปยังสินเชื่อประเภทที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างต่ำโดยเปรียบเทียบ นอกจากนี้ รายได้ค่าธรรมเนียมหลายประเภท ยังน่าจะได้รับผลกระทบจากกิจกรรมการใช้จ่ายและการทำธุรกรรมทางการเงินที่ชะลอลง ท่ามกลางจำนวนวันทำการที่ลดลง และความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเหตุรุนแรงทางการเมืองในช่วงระหว่างไตรมาสอีกด้วย ขณะที่ ปัจจัยลบเดียวกันนี้ อาจนำมาสู่เอ็นพีแอลที่อาจขยับขึ้นได้เล็กน้อย
กระนั้นก็ดี ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่เหลือของปีนี้ ที่น่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น จากความเสี่ยงทางการเมืองที่ลดระดับลงและหากความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจต่างประเทศไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันมากนักนั้น คาดว่าธุรกิจหลักของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย ก็คงทยอยปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นเช่นกัน อันน่าจะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของไตรมาส 2/2553 เป็นจุดต่ำสุด (Bottom) ของปีนี้ แต่ทั้งนี้ ขีดความสามารถในการทำกำไรดังกล่าว จะปรับตัวดีขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือมากน้อยเพียงใดนั้น ก็ยังขึ้นกับขนาดของแรงส่งจากเศรษฐกิจ ตลอดจน การปรับทิศของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และการดูดซับสภาพคล่องของ ธปท. ซึ่งจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก-เงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงการขับเคลื่อนความสามารถในการทำกำไรของระบบธนาคารพาณิชย์ในภาพรวม
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น