วัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นของธนาคารพาณิชย์ไทย...เริ่มต้นขึ้นแล้ว (มองเศรษฐกิจฉบับที่ 2880)

หลังจากที่ ธปท.ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 14 กรกฎาคม 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2551 นั้น ธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดใหญ่บางแห่ง ได้มีปฏิกริยาตอบสนองทันทีในวันถัดมาด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 0.10-0.55% และเงินให้กู้ยืม 0.125-0.15% ในวันถัดๆ มา (มีผลบังคับใช้วันที่ 15-16 กรกฎาคม) ซึ่งน่าจะมีสาเหตุจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการตอบรับต่อทิศทางนโยบายทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงไป การรักษาความสามารถในการแข่งขันและฐานลูกค้า อีกทั้ง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการปล่อยสินเชื่อ ขณะที่ เหตุผลด้านสภาพคล่อง น่าจะมีน้ำหนักที่รองลงไป เนื่องจากแม้สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์บางแห่งอาจปรับตัวลดลงไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่ามียอดคงค้างในระดับสูง

ทั้งนี้ แม้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้อาจยังอยู่ในขนาดที่ค่อนข้างต่ำ แต่ก็ตอกย้ำว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่วัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว โดยธนาคารพาณิชย์ไทยยังมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้กู้ยืมเพิ่มเติมอีกในระยะที่เหลือของปีนี้ โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจและสินเชื่อยังรักษาแรงส่งเชิงบวกได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ ธปท.ยังส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมอีก ควบคู่กับการดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบการเงิน ท่ามกลางภาวะการแข่งขันระหว่างธนาคารพาณิชย์ที่ยังอยู่ในระดับสูง

นั่นหมายความว่า ลูกค้าสินเชื่อ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ส่วนใหญ่มักเผชิญอัตราดอกเบี้ยลอยตัว อาจต้องเตรียมแผนธุรกิจเพื่อให้สามารถรับมือกับต้นทุนทางการเงินในจังหวะขาขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ ลูกค้าเงินฝาก ก็คงจะได้รับประโยชน์จากผลตอบแทนแท้จริงที่เพิ่มขึ้น