ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รวบรวมข้อมูลบริษัทประกันชีวิตจำนวน 23 แห่ง โดยใช้ฐานข้อมูลรายเดือนจากสมาคมประกันชีวิตไทย ซึ่งพบว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2553 ชะลอตัวลงเป็น 14.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เทียบกับที่เติบโต 17.1% (YoY) ในช่วง 4 เดือนแรกของปี โดยเป็นผลจากการหดตัวของธุรกิจใหม่ในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองมากกว่าที่คาด ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในเดือนมิถุนายน 2553 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าการเติบโตของธุรกิจกลับมาขยายตัวด้วยเลขสองหลักอีกครั้ง (YoY) หลังการชุมนุมทางการเมืองยุติลง ซึ่งน่าจะส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรับรวมของธุรกิจประกันชีวิตในช่วงครึ่งแรกของปี เติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 15.0-16.0% YoY
สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี ยังน่าจะรักษาอัตราการเติบโตทางธุรกิจให้อยู่ในระดับเลขสองหลักได้อย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจประกันชีวิตคาดว่าจะยังได้รับปัจจัยบวกจากแรงซื้อเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีในช่วงสิ้นปี การคลี่คลายของเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค รวมถึงการแข่งขันระหว่างบริษัทประกันและนโยบายเชิงรุกในการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์
แต่ทั้งนี้ คงต้องยอมรับว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นของธนาคารพาณิชย์ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนขั้วของอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่คาดไว้เดิม ประกอบกับแนวโน้มการชะลอตัวของการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งหลังของปีเมื่อเทียบกับงวดครึ่งแรก หลังมาตรการลดหย่อนภาษีการโอนและจดจำนองเพื่อกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สิ้นสุดลงในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำประกันเพื่อคุ้มครองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (MRTA: Mortgage Reduce Term Loan) ซึ่งทั้งปัจจัยดังกล่าว ผนวกกับผลกระทบจากปัญหาการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดประมาณการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตในปี 2553 ลงจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวในระดับประมาณ 18.0-23.0% เป็น 16.0-18.0%
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น