ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ที่ร้อยละ 1.75 ในการประชุมรอบที่ 7 ของปีในวันที่ 20 ตุลาคม 2553
โดยประเมินว่า กนง.น่าจะให้น้ำหนักกับความเสี่ยงด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจคู่ค้าที่สำคัญ โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และผลของทิศทางค่าเงินบาทที่มีต่อความสามารถทางการแข่งขันและกำไรที่แปลงกลับมาเป็นเงินบาทของภาคธุรกิจส่งออก ซึ่งมีบทบาทอย่างมากต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ในขณะที่ ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อในประเทศที่ผ่อนคลายลงในระยะสั้น อันเป็นผลจากโมเมนตัมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแรงลง การแข็งค่าของเงินบาทที่มีส่วนลดแรงกดดันด้านราคาโดยเฉพาะราคาสินค้าเข้า และผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวมร้อยละ 0.50 ในการประชุมสองรอบที่ผ่านมา น่าจะทำให้ กนง.มีความยืดหยุ่นในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ (ถึงแม้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้ออาจจะยังคงเป็นน้ำหนักที่สำคัญในระยะปีข้างหน้าก็ตาม) โดย กนง.คงเลือกที่จะรอประเมินพัฒนาการทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อก่อนที่จะกลับมาพิจารณาดำเนินการปรับสมดุลนโยบายอัตราดอกเบี้ยเมื่อถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสมในอนาคต
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า ท่ามกลางการไหลเข้าของเงินลงทุนจากต่างประเทศสู่ตลาดทุนไทย ซึ่งส่งผลให้เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะที่ผ่านมา มติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ของ กนง. ควบคู่กับการดำเนินมาตรการลดผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าและการสร้างสมดุลเงินทุนเคลื่อนย้ายจากเบาไปหาหนักของทางการ น่าจะมีส่วนช่วยให้ภาคเอกชนสามารถปรับตัวรับกับความผันผวนทางเศรษฐกิจได้ดีกว่า ซึ่งก็เป็นทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินที่สอดคล้องกับธนาคารกลางส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น