ปี 2553 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าตลาดรถยนต์ในประเทศจะทำสถิติใหม่ด้วยยอดขายจำนวนไม่ต่ำกว่า 790,000 คัน เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 44% ส่งผลให้ยอดคงค้างสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในระบบธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นปี น่าจะขยายตัวได้ถึง 26.5-29.0% เป็น 487,000-497,000 ล้านบาท ขณะที่เศรษฐกิจไทยในปี 2554 แม้จะเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลง แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่ายอดขายรถยนต์ใหม่ในปี 2554 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 5.0-10.0% เป็น 830,000-870,000 คัน ส่งผลต่อเนื่องให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในระบบธนาคารพาณิชย์ มีโอกาสเติบโตได้ถึง 16.5-19.0% ด้วยยอดคงค้างที่ขยับขึ้นมาที่ 560,000-590,000 ล้านบาท จากปัจจัยบวกหลักของการเปิดตัวรถยนต์นั่งขนาดเล็กและอีโคคาร์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด แม้จะมีปัจจัยลบจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และแนวโน้มราคาพลังงานที่อาจปรับสูงขึ้นก็ตาม
ด้านการแข่งขันของผู้ประกอบการให้เช่าซื้อในปี 2554 ส่วนใหญ่ยังคงใช้กลยุทธ์ราคาเป็นหลัก โดยอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในต้นปี 2554 อาจจะปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยประมาณ 0.1-0.2% จากสิ้นปี 2553 เป็น 2.10-2.20% ก่อนจะมีโอกาสอ่อนตัวลงชั่วคราวในช่วงงานมอเตอร์โชว์ ซึ่งภาพรวมการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ จะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าหรือใกล้เคียงกับต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากโครงสร้างราคาของธุรกิจนี้ถูกแทรกแซงด้วยการแข่งขันเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าผู้ประกอบการให้เช่าซื้อรถรายใหญ่จะไม่แข่งขันกันด้วยการปรับลดคุณสมบัติลูกค้า โดยคงกำหนดอัตราการวางเงินดาวน์ขั้นต่ำไว้ที่ 20-25% และระยะเวลาผ่อน 60 เดือน ซึ่งทำให้ได้ลูกค้าชั้นดีที่ไม่ก่อปัญหาหนี้เสียตามมา
โดยสรุปภาพรวมตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ จะยังถูกผูกขาดจากผู้เล่นรายใหญ่เดิม ซึ่งนอกจากจะแข่งขันในตลาดรถยนต์ใหม่แล้ว ยังมีแนวโน้มที่ผู้เล่นในตลาดคงจะขยายการแข่งขันไปยังตลาดรถมือสอง และตลาดสินเชื่อเงินสดรถแลกเงิน เพื่อสร้างรายได้ของธุรกิจให้เพิ่มขึ้นด้วย
ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ปี 2554
ปัจจัย
|
ผลที่คาดว่าจะเกิด
|
- ยอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศ
|
คาดว่าจะสูงถึง 830,000-870,000 คัน (เพิ่มขึ้น 5-10% YoY) เนื่องจากมีรถนั่งขนาดเล็ก (ซับคอมแพ็ค) และรถประหยัดพลังงานรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่สร้างยอดขายได้สูงกว่า 53% ของตลาดรถนั่งทั้งหมดในปี 2553
|
- ราคาพืชผลการเกษตร
|
ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากปริมาณพืชผลเกษตรที่ออกสู่ตลาดน่าจะน้อยลง ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนในภาคเกษตรสูงขึ้น
|
- ดอกเบี้ยขาขึ้น
|
อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 0.5% เป็นอย่างน้อยในปี 2554 แต่สภาพคล่องในระบบที่ยังมีอยู่สูง ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่ กอปรกับการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงระหว่างธนาคารพาณิชย์ จึงทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งเป็นต้นทุนของผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อน่าจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และลดทอนผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรลงไปได้บ้าง ขณะที่ ฝั่งผู้บริโภคที่ขอสินเชื่อเช่าซื้อ ก็คงจะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นดังกล่าวในขอบเขตจำกัดเช่นกัน
|
- ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
|
คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาในตลาดโลกประมาณ 5-15% จากปี 2553 แต่รถที่จะทำตลาดในปีหน้าส่วนใหญ่เป็นรถขนาดเล็กและรถประหยัดพลังงาน จึงได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันในวงจำกัด
|
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น