ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า แม้แถลงการณ์หลังการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด จะระบุถึงมุมมองที่เป็นเชิงบวกมากขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ สอดคล้องกับมุมมองของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ แต่เฟดคงจะมีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ที่ 0.00-0.25% และคงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE2) ตามกำหนดเดิมในการประชุมรอบแรกของปีในวันที่ 25-26 มกราคม 2554 โดยมองว่า คงเร็วเกินไปที่เฟดจะให้คำมั่นหรือระบุถึงการปรับเปลี่ยนจุดยืนเชิงนโยบายภายใต้สถานการณ์ที่เครื่องชี้ที่มีน้ำหนัก ทั้งตลาดแรงงานและภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงสถานะของผู้บริโภคสหรัฐฯ ยังคงมีทิศทางที่ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ขณะเดียวกัน แรงกดดันเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่แม้อาจมีเพิ่มขึ้น แต่ด้วยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังค่อนข้างต่ำ ก็น่าจะเอื้อให้เฟดคงจุดยืนนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมากไว้ต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง
ทั้งนี้ แม้มติการประชุมของเฟดในรอบนี้คงจะไม่ได้เปลี่ยนภาพการประเมินความเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งไม่น่าจะมีผลต่อตลาดเงินและตลาดทุนโลกอย่างมีนัยสำคัญ แต่หากเศรษฐกิจสหรัฐฯสามารถฟื้นตัวได้ตามที่คาด เงินดอลลาร์ฯก็น่าที่จะยังคงได้รับแรงหนุนต่อไปในระยะสั้น ซึ่งทิศทางดังกล่าว น่าจะเป็นผลดีต่อการส่งออกของไทย และเมื่อประกอบกับการใช้จ่ายในประเทศที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จึงคาดว่าทางการไทยคงจะยังเทน้ำหนักให้กับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น (โดยเฉพาะในภาวะที่การปรับตัวของเงินบาทไม่ได้ช่วยชะลอการปรับขึ้นของราคาสินค้านำเข้า) และมีโอกาสที่จะปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยเข้าสู่ระดับที่เป็นปกติมากขึ้น (Normalized) ต่อไป ซึ่งแน่นอนว่า ภาคเอกชนก็คงจะยังมีแนวโน้มต้องเผชิญกับต้นทุนทางการเงินที่ขยับสูงขึ้น ถึงแม้ว่าความเคลื่อนไหวของเงินบาท อาจช่วยลดแรงกดดันต่อภาคการส่งออกได้ในระดับหนึ่ง ก็ตาม
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น