ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้พัฒนาดัชนีต้นทุนทางการเงินภาคธุรกิจ (Financial Condition Index: FCI) ขึ้น เพื่อวัดต้นทุนการระดมทุนในตลาดหลัก ทั้งการกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ ตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ ด้วยการพิจารณาความเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ย MLR ดัชนีตลาดหุ้น และดัชนีตราสารหนี้ โดย ดัชนี FCI ล่าสุดในเดือนธันวาคม 2553 ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ด้วยอัตราการลดลงจากเดือนก่อน (ปรับฤดูกาล) ที่มากที่สุดในรอบ 23 เดือน ซึ่งสะท้อนถึงเงื่อนไขการระดมทุนของภาคเอกชนที่เผชิญความซับซ้อนมากขึ้น หลังจากที่การปรับขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยเพียงลำพัง ไม่เพียงพอที่จะหักล้างปัจจัยลบที่มาจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ที่ปรับขึ้นได้ ซึ่งมีผลถ่วงการปรับตัวของดัชนี FCI ในภาพรวมในเดือนธันวาคม 2553
ขณะที่ หากมองออกไปถึงเดือนมกราคม 2554 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าจะเห็นทิศทางดัชนี FCI ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลัง ธปท.เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 2.25% เทียบกับ 2.0% ณ สิ้นปี 2553 อันหนุนให้ธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก รวมถึงเงินให้กู้ยืมตามมา เช่นเดียวกับดันให้ผลตอบแทนตราสารหนี้ขยับขึ้นต่อ ขณะที่ ดัชนี FCI อาจยิ่งเผชิญแรงซ้ำเติมจากการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทย อันล้วนแล้วแต่ชี้ภาพต้นทุนการระดมทุนของภาคเอกชนที่ปรับขึ้นชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ย้ำเตือนให้ผู้ประกอบการคงต้องเตรียมวางแผนรับมือ เพราะคงเป็นทิศทางที่อาจปรากฎขึ้นต่อเนื่องอย่างน้อยก็ในช่วงครึ่งแรกของปีกระต่ายนี้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น