Display mode (Doesn't show in master page preview)

27 พฤษภาคม 2554

ตลาดการเงิน

การประชุม 1 มิ.ย. ... คาด กนง.ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เพื่อดูแลความเสี่ยงเงินเฟ้อที่ยังคงเร่งตัว (มองเศรษฐกิจฉบับที่ 3115)

คะแนนเฉลี่ย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) จะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อีก 0.25% จาก 2.75% มาที่ 3.00% ในการประชุมรอบที่ 4 ของปีนี้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2554 เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ภายใต้สถานการณ์ที่ความเสี่ยงจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและอัตราเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยหลักสำคัญ ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังมีแรงส่งของการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 อาจจะได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติและภาวะการขาดแคลนไฟฟ้าในญี่ปุ่นที่กระทบการผลิตบางอุตสาหกรรมของไทย แต่กิจกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศให้สามารถเติบโตต่อไป ส่งผลให้ยังมีช่องว่างที่ กนง. สามารถที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยให้เข้าสู่ระดับปกติได้อยู่ นอกจากนี้ ภาคธุรกิจเอกชนสามารถรับมือกับสภาวะที่ราคาสินค้าต่างๆ และต้นทุนทางการเงินมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นนี้ได้ค่อนข้างดี โดยจะเห็นได้จากการขยายตัวของ GDP ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ที่ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์

ทั้งนี้ คาดว่ามติการประชุมรอบนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่ตลาดการเงินส่วนใหญ่คาดหมายไว้แล้วในระดับหนึ่ง ดังนั้น จุดสนใจของตลาดและนักวิเคราะห์คงจะอยู่ที่การส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินของ กนง.ว่าจะมีความต่อเนื่องมากน้อยเพียงใด รวมทั้งขึ้นอยู่กับพัฒนาการเครื่องชี้เศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทยเป็นหลัก แต่ก็ต้องยอมรับว่า สถานการณ์เศรษฐกิจภายนอก ยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาหนี้ในยุโรป ปัญหาดุลการคลังของสหรัฐฯ ปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ และประเด็นการเมืองในประเทศ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามพัฒนาการ และผลกระทบที่อาจมีผลต่อเศรษฐกิจไทยต่อไปอย่างใกล้ชิด

สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในที่สุดแล้วคงจะนำมาสู่การทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ โดยขนาดและจังหวะของการปรับขึ้น คงจะขึ้นอยู่กับมุมมองของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งที่มีต่อแนวโน้มการดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะการขยายสินเชื่อในระยะข้างหน้า ตลอดจนสภาวะของการแข่งขันระหว่างธนาคารด้วยกันเองและคู่แข่งอื่นเป็นหลัก ซึ่งภาวะดังกล่าว น่าที่จะเอื้อให้ผู้ออมมีทางเลือกการลงทุนที่หลากหลายและตอบโจทย์ได้มากขึ้น นอกจากนี้คาดว่าธนาคารพาณิชย์น่าจะมีการปรับตัวเพื่อรองรับการปรับลดความคุ้มครองเงินฝากลง ผ่านการออกผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจเพื่อเป็นการรักษาลูกค้าเดิมและดึงดูดลูกค้าใหม่ อย่างต่อเนื่อง

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


ตลาดการเงิน