ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้พัฒนาดัชนีต้นทุนทางการเงินภาคธุรกิจ (Financial Condition Index: FCI) ขึ้น เพื่อวัดบรรยากาศ (Sentiment) และต้นทุนการระดมทุนในตลาดหลัก ทั้งการกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ ตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ ด้วยการพิจารณาความเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ย MLR ดัชนีตลาดหุ้น และดัชนีตราสารหนี้ โดยล่าสุด ในเดือนพฤษภาคม 2554 ดัชนี FCI หดตัวจากปีก่อน 0.4% จากที่ขยายตัวเล็กน้อยในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นอัตราการหดตัวครั้งแรกในรอบ 16 เดือน และปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 อันเป็นผลจากอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ ดัชนี FCI ขาดแรงส่งจากดัชนีตลาดหุ้นที่ผันผวนและกลับปรับตัวลดลงในเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ว่าดัชนี FCI ในเดือนมิถุนายน 2554 อาจยังส่งสัญญาณลบอย่างต่อเนื่อง หลัง ธปท.เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงต้นเดือน อันมีผลผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยในระบบปรับขึ้นตาม รวมถึงดัชนีตลาดหุ้นยังแกว่งตัวในขาลงจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจนอกประเทศ
เมื่อประเมินในมิติการระดมทุนเชิงปริมาณผ่านสินเชื่อธนาคารพาณิชย์และตลาดทุนนั้น พบว่ามีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก หรือจาก 6.1 หมื่นล้านบาทในเดือนเมษายน 2554 มาที่ 1.83 แสนล้านบาท นำโดยการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ และการออกหุ้นเพิ่มทุนผ่านตลาดหุ้นที่เพิ่มขึ้นชัดเจน กระนั้นก็ดี มีความเป็นไปได้ว่าปริมาณการระดมทุนในระดับสูงดังกล่าว อาจขาดความต่อเนื่องในช่วงเดือนข้างหน้า ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจระดมทุนเพื่อการลงทุนเพิ่มของภาคธุรกิจ ขณะที่ เมื่อมองไปข้างหน้านั้น ต้นทุนทางการเงินยังน่าจะปรับตัวสูงขึ้นอีก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสัญญาณเตือนให้ภาคเอกชนไทยต้องตั้งรับกับอีกหนึ่งปัจจัยลบดังกล่าว ในระยะที่เหลือของปีนี้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น