ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงที่เหลือของปี 2554 อาจยังคงให้ภาพที่ไม่แตกต่างมากนักจากในช่วง 7 เดือนแรก โดยจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่น ปัญหาหนี้ในยุโรปและสหรัฐฯ ตลอดจน การเร่งตัวของเงินเฟ้อในภูมิภาคเอเชีย อันเป็นปัจจัยให้ทางการมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง คาดว่าคงจะส่งผลให้กระแสเงินทุนยังมีแนวโน้มไหลเข้าสู่ภูมิภาคเอเชีย รวมถึงไทยต่อเนื่อง ทำให้การเข้าซื้อสุทธิในตราสารหนี้ไทยของนักลงทุนต่างชาติยังคงน่าจะอยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเฉพาะปัจจัยภายในประเทศ เศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะยังมีโมเมนตัมของการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2554 ประกอบกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการเมืองที่มีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า สภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงที่เหลือของปี 2554 น่าที่จะยังคงเอื้อต่อความต้องการระดมทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน โดยแม้ว่าอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้อาจมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น ตามการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของทางการไทยเพื่อดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ แต่การทยอยฟื้นตัวของภาคการผลิตในญี่ปุ่น และเศรษฐกิจโลก ตลอดจน การลงทุนของภาครัฐที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง น่าจะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการในการระดุมทุนของภาครัฐ และเอกชนต่อเนื่อง
ในขณะที่ ความต้องการลงทุนจากนักลงทุนรายย่อยที่น่าจะยังมีอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นมาพอสมควร ในขณะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี อีกทั้งการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น ก็น่าจะเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน โดยประเมินว่า ปริมาณการออกหุ้นกู้เอกชนในปี 2554 อาจใกล้เคียงกับปี 2553 ที่ประมาณ 2.4-2.5 แสนล้านบาท ซึ่งบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ก็น่าที่จะมาจากหลายอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ อาทิ บริษัทในกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และบริษัทรับเหมาก่อสร้าง อันจะเป็นโอกาสสำหรับการกระจายการลงทุนสำหรับผู้ออมด้วยเช่นกัน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น