ในวันที่ 20-21 กันยายน 2554 คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee: FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด จะมีการประชุมรอบที่หกของปี 2554 เพื่อตัดสินใจนโยบายการเงิน โดยเฟดได้มีการขยายระยะเวลาการประชุมเป็น 2 วัน เพื่อพิจารณาถึงมาตรการต่างๆ ที่อาจจำเป็น
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า แถลงการณ์หลังการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ที่ 0.00-0.25% ต่อเนื่องจนถึงกลางปี 2556 รวมถึงอาจมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติ่ม หลังจากปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจมีมากขึ้น
ท่ามกลาง พัฒนาการทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ให้ภาพไปในเชิงลบมากขึ้นประกอบกับสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ยังมีความระมัดระวังในการขยายสินเชื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ในขณะที่ปัญหาทางการเมือง (Political Dysfunction) รวมถึงปัญหาหนี้ในยูโรโซนที่อาจจะลุกลามขยายตัวไปยังภาคธนาคาร ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯยังไม่น่าที่จะเกิดภาวะถดถอยในปีนี้ โดยมองว่า การฟื้นตัวของการบริโภค ขณะที่ภาคเอกชน รวมถึง ภาคธนาคารสหรัฐฯ ยังคงมีความแข็งแกร่ง ก็น่าจะเป็นตัวสนับสนุนให้มีโอกาสที่การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้น่าจะออกมาดีกว่าในช่วงครึ่งแรก อีกทั้ง แผนการจ้างงานของโอบามา หากสามารถทำได้ในหลักการแล้วก็น่าจะช่วยประคองการจ้างงานที่ย่ำแย่ของสหรัฐฯ ให้ค่อยๆทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องในระยะข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความท้าทายในระยะข้างหน้า ทั้งจากปัจจัยการเมืองที่อาจกระทบต่อแผนการสร้างงานของโอบามา ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส ซึ่งอาจถูกต่อรองทางการเมือง ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. 2555 รวมถึง มาตรการการปรับลดการขาดดุลการคลังของสหรัฐฯ จะเริ่มมีผลในปี 2556 เป็นต้นไป ซึ่งอาจจะกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะต่อไป
สำหรับผลต่อไทยนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า สภาวะตลาดการเงินโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวผันผวน คงจะมีผลต่อความเชื่อมั่นและการปรับตัวของตลาดเงินและตลาดทุนในประเทศอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง ขณะที่คาดการณ์ว่า ทางการไทยคงจะติดตามพัฒนาการเศรษฐกิจทั้งในประเทศ อันได้แก่ ผลจากนโยบายรัฐบาล และภาวะน้ำท่วม รวมถึงปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป อย่างใกล้ชิด ในขณะที่คงจะพิจารณาน้ำหนักความเสี่ยงเศรษฐกิจ และเงินเฟ้ออย่างรอบคอบ เพื่อเป็นการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายที่เหมาะสมต่อไป
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น