รายได้ค่าธรรมเนียมถือเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักสำหรับธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีบทบาทเด่นชัดมากขึ้นตามลำดับ นับจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เป็นต้นมา ขณะที่ แม้เหตุมหาอุทกภัยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 จะส่งผลให้รายได้ค่าธรรมเนียมของระบบธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในไทย เข้าสู่ภาวะหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 35 ไตรมาส แต่ก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างน่าประทับใจในช่วงไตรมาส 1/2555 ด้วยภาพการเติบโต 11.3% จากปีก่อน
เมื่อมองออกไปในช่วงไตรมาสที่เหลือของปี 2555 นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า รายได้ค่าธรรมเนียมดังกล่าว น่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง และน่าจะปิดตัวเลขรายปีด้วยอัตราการเติบโตประมาณ 12.5-17.5% ตามแรงผลักจากธุรกรรมทางการเงินที่ทยอยฟื้นตัวขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และแรงดึงจากนโยบายการเติบโตรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์เอง ซึ่งต้องยอมรับว่าการพึ่งรายได้ค่าธรรมเนียม ยังเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่น่าจะช่วยประคองผลประกอบการในภาพรวมในปี 2555 ท่ามกลางต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากเกณฑ์การเรียกเก็บเงินสมทบเพิ่มเติมจากธนาคารพาณิชย์เพื่อใช้ในการบริหารจัดการหนี้สินของกองทุนฟื้นฟูฯ การแข่งขันด้านราคาของทั้งผลิตภัณฑ์เงินฝาก-สินเชื่อที่รุนแรง ตลอดจน การเตรียมรับมือกับการเริ่มทยอยใช้เกณฑ์ Basel III ในปี 2556 ที่อาจมีผลกระทบต่อเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์และตอกย้ำจุดเด่นของการเติบโตรายได้ค่าธรรมเนียมที่สามารถประหยัดเงินกองทุนได้ดีกว่าการปล่อยสินเชื่อ
กระนั้นก็ดี ประเด็นติดตามสำคัญ ในระยะใกล้ คงอยู่ที่ ความต่อเนื่องของการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะมีอิทธิพลต่อเนื่องไปถึงปริมาณและความหนาแน่นของธุรกรรมทางการเงินผ่านธนาคารพาณิชย์ ภายใต้ความเสี่ยงจากวิกฤตยุโรปที่ยังน่ากังวล ขณะที่ ในระยะปานกลาง ปัจจัยสำคัญที่คงต้องติดตามคงได้แก่ แนวทางของ ธปท.เกี่ยวกับการทบทวนโครงสร้างค่าธรรมเนียมการใช้บริการทางการเงิน ภายใต้แผนแม่บทการชำระเงิน รวมถึงการเดินหน้าเปิดเสรีทางการเงิน ซึ่งอาจเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าชาวไทย และจำนวนผู้เล่นในระบบชำระเงิน/สาขาธุรกิจ อันย่อมจะมีผลต่ออนาคตและโครงสร้างตลาดค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์ไทยได้ในอนาคต
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น