ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.00% ในการประชุมรอบที่สี่ของปีในวันที่ 13 มิถุนายน 2555 นี้ เพื่อดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศ จากความกังวลต่อภาวะค่าครองชีพสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจจะส่งผลให้การใช้จ่ายภายในประเทศขยายตัวน้อยกว่าคาด ตลอดจน การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อันเป็นผลจากความไม่แน่นอนของการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป
มองไปข้างหน้า คาดว่า กนง.คงจะติดตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะสถานการณ์ในยูโรโซน และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจหลักทั้งสหรัฐฯ และจีน รวมไปถึงประเด็นการเมืองในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการเบิกจ่ายของภาครัฐ ขณะที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อในระยะสั้นที่ผ่อนคลายลง คงทำให้ กนง.ยังพอมีช่องว่างในการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อดูแลความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีหลัง ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังคงมีอยู่และมีโอกาสที่จะปรากฏชัดเจนขึ้น เมื่อมาตรการลดค่าครองชีพต่างๆ ทยอยสิ้นสุด อีกทั้งความเสี่ยงที่ราคาน้ำมันโลกมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอีก อันอาจสร้างความท้าทายให้กับการดำเนินนโยบายของทางการเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายปี
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม คงจะได้แก่ ผลการเลือกตั้งรอบที่สองของกรีซในวันที่ 17 มิ.ย. ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดชะตากรรมของกรีซในการอยู่ในยูโรโซน ตลอดจนการแก้ปัญหาภาคธนาคารของสเปน อันอาจจะก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดเงินและตลาดทุนเป็นวงกว้างได้ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามแนวทางในการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติม (QE3) รวมไปถึงมุมมองต่อมาตรการการซื้อตราสารเพื่อกดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวภายใต้โครงการ The Maturity Extension Program (Operation Twists) ที่จะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2555 อันเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางการปรับตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และส่งผลไปยังตลาดพันธบัตรทั่วโลก ตลอดจน ประเด็นด้านการคลังหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งมาตรการทางภาษีและการตัดลดงบประมาณโดยอัตโนมัติ
ด้านแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินและอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ไทยนั้น คาดว่าในภาพรวมอัตราดอกเบี้ยคงมีระดับที่ค่อนข้างทรงตัว แม้ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งอาจมีการปรับอัตราดอกเบี้ยรายผลิตภัณฑ์บ้างเพื่อให้สอดรับกับกลยุทธ์การบริหารจัดการสภาพคล่องและรักษาความสามารถทางการแข่งขัน ขณะเดียวกัน ธนาคารพาณิชย์น่าจะยังคงมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์การออมที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการขยายสินเชื่อที่ประเมินว่ายังมีแนวโน้มเติบโตในเกณฑ์ที่ดี รวมถึงเพื่อรักษาฐานลูกค้าและส่วนแบ่งตลาดภายใต้สภาวะการแข่งขันที่ยังคงเข้มข้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น