ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุมรอบที่สี่ของปี 2556 ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2556 มีโอกาสมากขึ้นที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% โดยให้ความสำคัญกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยอาจไม่สามารถรักษาจังหวะการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการชะลอลงของการใช้จ่ายในประเทศ หลังสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ ซึ่งสะท้อนจากสัญญาณชะลอตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1/2556 ที่ผ่านมา ในขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ คงทำให้ กนง. มีช่องว่างในการพิจารณาใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนความต่อเนื่องการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี คงต้องยอมรับว่า หากอัตราดอกเบี้ยทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง อาจมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบการเงินและเศรษฐกิจในระยะยาว โดยอัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่ติดลบจะกระทบต่อการออมของภาคครัวเรือน และเพิ่มความเสี่ยงด้านปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งปัจจุบันยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางแนวทางการส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินของทางการและการเปลี่ยนแปลงแบบแผนการบริโภคของสังคมชนชั้นกลางที่ขยายตัวขึ้น นอกจากนี้ การคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ จะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวลดลง และอาจนำไปสู่การกู้ยืมเพื่อลงทุนในกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การเก็งกำไรในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เป็นต้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น