ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุมรอบสุดท้ายของปี 2556 ในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงต้นเดือน พฤศจิกายน ที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้มีคำแนะนำให้ทางการไทยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจระยะยาว แต่จากข้อมูล GDP ไตรมาส 3/2556 ที่ยังคงสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ทั้งในส่วนการใช้จ่ายภายในประเทศและการส่งออกที่ฟื้นตัวอย่างล่าช้า น่าจะทำให้การคงอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจยังมีความจำเป็น ขณะที่ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่เริ่มมีสัญญาณเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง น่าจะเป็นปัจจัยช่วยหนุนให้การขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าปรับตัวดีขึ้น ขณะที่แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อนั้น คาดว่าจะยังคงทรงอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องอย่างน้อยในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ตามทิศทางของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาสินค้าเกษตรโลก อันช่วยเอื้อให้ กนง. สามารถเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบัน เพื่อสนับสนุนโมเมนตัมของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่อเนื่องไปได้โดยไม่เป็นประเด็นที่จะต้องกังวลถึงความเสี่ยงเงินเฟ้อ
สำหรับปัจจัยที่จะต้องติดตามในระยะข้างหน้า คงได้แก่ สถานการณ์เศรษฐกิจและผลกระทบจากการลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ QE ของเฟดในระยะถัดไป ก่อนที่จะพิจารณาแนวทางเลือกในการดำเนินนโยบายการเงินให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจไทยในอนาคตข้างหน้า
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น