ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมานั้น กนง.ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 2.00% เพื่อรักษาแรงส่งของการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมือง อย่างไรก็ดี ด้วยการดำเนินนโยบายการเงินที่อยู่ในระดับผ่อนคลายเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน กอปรกับแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อที่แม้ว่าอาจจะมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในช่วงที่ยังเหลือของปี แต่ยังอยู่ในขอบเขตจำกัดในขณะนี้ ก็น่าจะส่งผลให้ กนง. สามารถที่จะรอดูพัฒนาการทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าเพื่อพิจารณาการดำเนินนโยบายการเงินให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า กนง. น่าจะมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 23 เมษายน 2557
เมื่อมองไปข้างหน้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินของ กนง. นับจากนี้ต่อไปจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่เข้ามากระทบเศรษฐกิจไทยเป็นสำคัญ โดยปัจจัยที่อาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป คงจะเป็นทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ตลอดจน ประเด็นเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะแรงกดดันเงินเฟ้อจากหลายปัจจัย (อาทิเช่น การปรับโครงสร้างราคาพลังงานในประเทศ และราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงการฟื้นตัวของการใช้จ่าย)และผลกระทบของการปรับลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ของเฟดที่มีต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนและเสถียรภาพของค่าเงินในตลาดการเงินโลก
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น