ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธที่ 11 มีนาคม 2558 นี้ น่าจะยังมีมติ ‘คง' ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2% ต่อเนื่อง ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมในการตัดสินใจเชิงนโยบายในครั้งนี้ ที่ซับซ้อนกว่าการประชุมครั้งก่อนหน้า อาทิ เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวล่าช้ากว่าเดิม ปัญหาการชะลอตัวของการส่งออกไทยที่ชัดขึ้น และการผ่อนคลายนโยบายการเงินของหลายประเทศเพื่อนบ้านและ ECB แต่โจทย์ท้าทายด้านเสถียรภาพในประเทศที่อาจมีความเปราะบางมากขึ้น หาก กนง. เน้นการใช้นโยบายการเงินเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหน้า ตลอดจน ข้อจำกัดในการส่งผ่านนโยบายการเงิน อาจทำให้ผลประโยชน์ และต้นทุนในการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติม อาจไม่คุ้มค่ามากนัก ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงคาดว่า กนง.คงจะเลือกคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.0% ในการประชุมรอบนี้ เพื่อรอประเมินภาพพัฒนาการและความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่น่าจะชัดเจนขึ้นอย่างถี่ถ้วนจากข้อมูลเศรษฐกิจในเดือนถัดไป เพื่อสงวนเครื่องมือไว้ใช้ หากจำเป็น
สำหรับการประชุมในรอบนี้ มีจุดจับตาต่อไป 2 ประเด็น โดย จุดจับตาแรก อยู่ที่แถลงการณ์หลังการประชุมของ คณะกรรมการนโยบายการเงิน ว่าจะมีมุมมองต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าอย่างไร รวมทั้ง จำนวนกรรมการที่ลงคะแนนให้มีการ ‘ลดอัตราดอกเบี้ย' ว่าจะแตกต่างจากในการประชุมรอบก่อนหน้าที่มีสองในเจ็ดเสียงหรือไม่ ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าที่ยังมีอยู่มาก จุดติดตามถัดไป คือ การประกาศทบทวนตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจของ ธปท.ในการเปิดเผยรายงานนโยบายการเงินในวันที่ 20 มีนาคม 2558 ว่าจะเปลี่ยนแปลงจากเดิมในทิศทางใด โดยหากโน้มเอียงไปในแนวทางการปรับลดประมาณการจีดีพีในปี 2558 ให้ต่ำลง ก็อาจกระตุ้นการคาดการณ์ของตลาดถึงโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบถัดๆ ไปที่เพิ่มขึ้นได้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น