-จากสถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 1/2558 ที่ยังคงเป็นไปอย่างเชื่องช้า ดังที่ปรากฎจากเครื่องชี้หลักทั้งในส่วนของการบริโภคและการลงทุนที่ยังชะลอตัวต่อเนื่อง รวมถึงการส่งออกที่หดตัวลงในช่วงที่ผ่านมานั้น ปัจจัยต่างๆดังกล่าวเหล่านี้ได้ส่งผลสืบเนื่องไปถึงความต้องการสินเชื่อประเภทต่างๆของธนาคารพาณิชย์ ทั้งสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่ออุปโภคให้ชะลอตัวลงไปในทิศทางเดียวกัน และทำให้รายได้ดอกเบี้ยอันเป็นรายได้หลักของธนาคารพาณิชย์ปรับตัวลดลงตามไปด้วยเช่นกัน ถึงกระนั้นก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ธนาคารพาณิชย์ไทย 10 แห่งจะสามารถรายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาส 1/ 2558 ที่เพิ่มขึ้น 5.7%QoQ และ 2.5%YoY จากลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยทางฤดูกาลจากที่ค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในไตรมาสก่อนหน้า ประกอบกับคาดว่าทุกธนาคารคงจะพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายมากขึ้นในรูปแบบต่างๆในภาวะที่รายได้จากธุรกิจหลักยังไม่ฟื้นตัว ทั้งนี้ คาดว่า ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานในไตรมาส 1/2558 จะลดลง 13%QoQ จากการขยายตัวที่ 11.7%QoQ ในไตรมาส 4/2557
- การบริหารจัดการต้นทุนเงินฝากของธนาคาร ส่งผลให้อัตราส่วนผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) ในไตรมาส 1/2558 อาจขยับลงเพียงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน ขณะที่คาดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธปท.น่าจะส่งผลต่อ NIM ในไตรมาสถัดไป
- คุณภาพสินทรัพย์คาดว่าจะอยู่ในระดับที่ทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน ท่ามกลางการดำเนินนโยบายการดูแลคุณภาพหนี้ที่ระมัดระวัง ทั้งนี้ คาดว่าสัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมในไตรมาส 1/2558 น่าจะสามารถทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับในไตรมาส 4/2557 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 2.5% ขณะที่คาดว่าสัดส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อเฉลี่ยจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 4/2557 ที่ประมาณ 0.9%
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น