Display mode (Doesn't show in master page preview)

24 กุมภาพันธ์ 2548

ตลาดการเงิน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ... อาจพลิกกลับมาปรับสูงขึ้นอีกครั้งในอนาคต

คะแนนเฉลี่ย

แม้ว่านับตั้งแต่กลางปี 2547 จนถึงปัจจุบัน ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด จะได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ไปแล้วรวม 1.50% จากระดับต่ำสุดในรอบ 40 กว่าปีที่ 1.00% มาเป็น 2.50% แต่ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯประเภทอายุ 10 ปี กลับมีความเคลื่อนไหวที่ไม่ค่อยจะสอดคล้องไปด้วยกันนัก โดยล่าสุดในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2548 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯประเภทอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.27% ต่ำกว่าระดับ 4.74% ในวันที่ 28 มิถุนายน 2547 หรือก่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds เป็นครั้งแรกของเฟดในการประชุมเมื่อกลางปีที่ผ่านมา นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯในช่วงที่ผ่านมา น่าจะเป็นผลมาจากปัจจัยแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่ยังคงอยู่ภายในระดับที่ควบคุมได้ และจากปัจจัยความต้องการลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์ฯของนักลงทุนชาติต่างๆ ที่ยังคงมีอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่คาดว่าจะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในปี 2548, การเติบโตของตลาดแรงงาน, ระดับค่าจ้างที่คาดว่าอาจเพิ่มขึ้นจากต้นทุนประสิทธิภาพการผลิตที่อยู่ในระดับต่ำ, เงินดอลลาร์สหรัฐฯที่ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูง ตลอดจนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อาจไม่ลดลงมากเท่าที่คาดหวังจากความกังวลต่อปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ล้วนเป็นปัจจัยที่คาดว่าจะเพิ่มแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อให้กับสหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน การอ่อนตัวลงของเงินดอลลาร์สหรัฐฯอย่างต่อเนื่องก็ยังอาจนำไปสู่การลดลงของความต้องการถือครองหลักทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ฯของนักลงทุนทั่วโลกด้วย ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงประเมินว่า ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯประเภทอายุ 10 ปี อาจจะไม่สามารถยืนอยู่ที่ระดับค่อนข้างต่ำเช่นในปัจจุบันได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากปัจจัยเรื่องการคาดการณ์แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อและการลดลงของความต้องการซื้อหลักทรัพย์สหรัฐฯดังกล่าว อาจจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯพลิกกลับมาปรับตัวสูงขึ้นได้ในที่สุด

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย อัตราดอกเบี้ย Fed Funds ของสหรัฐฯอาจจะขยับขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 3.75-4.00% ณ ปลายปี 2548 จาก 2.50% ในปัจจุบัน ขณะที่หากกำหนดให้ค่าเฉลี่ยของผลต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯประเภทอายุ 10 ปี และอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ที่ระดับ 0.9% จากข้อมูลสถิติในช่วงปี 2503-2547 มาใช้เป็นค่ามาตรฐานแล้ว จะได้ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯประเภทอายุ 10 ปี อาจจะปรับตัวสูงขึ้นไปที่ประมาณ 4.65-4.90% ณ ปลายปี 2548 แต่การปรับตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯประเภทอายุ 10 ปี อาจไม่เป็นไปตามการประเมินในข้างต้นได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อ แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ฯ และระดับราคาน้ำมันในตลาดโลก เป็นต้น

สำหรับทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยนั้น การคาดการณ์ถึงทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯว่าอาจจะสามารถพลิกกลับมาปรับตัวสูงขึ้นได้ในระยะข้างหน้า หรือขยับเข้าสู่ระดับ 4.65-4.90% ณ ปลายปี 2548 อาจทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยประเภทอายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้นตามไปที่ 5.10-5.35% ณ ปลายปี 2548 ด้วยเช่นกัน (หากใช้ค่าผลต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยและสหรัฐฯที่ประมาณ 0.45% ในช่วงปี 2543-2547 มาเป็นค่ามาตรฐาน) ซึ่งการคาดการณ์แนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวของไทยดังกล่าว อาจทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงให้น้ำหนักไปที่การลงทุนในตราสารระยะสั้นเป็นหลัก เช่นเดียวกับภาวะที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ก็คาดว่านักลงทุนจะยังคงมีการทบทวนภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจโดยรวมอย่างสม่ำเสมอเพื่อพิจารณาปรับพอร์ตการลงทุนของตนให้มีความเหมาะสมในระยะต่อๆ ไป อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า การปรับตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เกิดขึ้นจริงอาจมีความคลาดเคลื่อนไปจากตัวเลขคาดการณ์ข้างต้นได้ เนื่องจากปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทย อาจยังต้องขึ้นอยู่กับ แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีผลต่อภาวะสภาพคล่องของระบบการเงินไทย และเป็นตัวแปรที่กำหนดปริมาณอุปสงค์ในตราสารหนี้, แรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อของไทย ซึ่งจะมีผลต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราผลตอบแทนในตลาดต่างๆ, ขนาดอุปทานตราสารหนี้ รวมทั้งระดับความเสี่ยงของประเทศด้วย ดังนั้น จากทั้งปัจจัยเรื่องแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และปัจจัยด้านวัฏจักรเศรษฐกิจของประเทศไทย ก็คาดว่าอาจทำให้ทิศทางอัตราผลตอบแทนของตลาดพันธบัตรไทยมีความเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างจะผันผวนในระยะข้างหน้าได้

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


ตลาดการเงิน