Display mode (Doesn't show in master page preview)

7 มิถุนายน 2548

ตลาดการเงิน

นโยบายอัตราดอกเบี้ยของแบงก์ชาติ ... คาดว่าจะขยับขึ้นเป็น 2.50%

คะแนนเฉลี่ย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน อีก 0.25% จาก 2.25% มาอยู่ที่ 2.50% ในการประชุมรอบที่ 4 ของปีในวันที่ 9 มิถุนายน 2548 นี้ เนื่องจากการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้มีความเข้มงวดมากขึ้นของธปท. น่าจะเป็นผลบวกในการสกัดกั้นแรงกดดันเงินเฟ้อในประเทศที่มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นในระยะข้างหน้า ในขณะที่การคาดการณ์การขยายตัวในอัตราที่เพิ่มขึ้นของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี จากแรงหนุนทางด้านการใช้จ่ายภาครัฐและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ก็น่าจะช่วยสนับสนุนให้ภาคธุรกิจเอกชนสามารถรับผลกระทบจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปของธปท.ได้

นอกจากนี้ แม้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ของธปท.ในการประชุมรอบนี้ อาจจะไม่นำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนทิศทางอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้กู้ยืมหลักของธนาคารพาณิชย์ และการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้ของภาคธุรกิจเอกชนโดยทันที เพราะธนาคารพาณิชย์ยังคงมีสภาพคล่องส่วนเกินเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก แต่นโยบายอัตราดอกเบี้ยที่มีความเข้มงวดขึ้นของธปท. ก็น่าจะเป็นสัญญาณที่ส่งผ่านไปยังผู้บริโภคให้มีการปรับตัว โดยการลดภาวะความไม่สมดุลและหันมาสะสมการออมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งภาวะดังกล่าวก็คาดว่าจะเป็นผลบวกต่อฐานะดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยในระยะต่อไป ในขณะเดียวกัน การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธปท.ยังเป็นการช่วยรักษาค่าผลต่างอัตราดอกเบี้ยไทยและสหรัฐฯไม่ให้ห่างกันมากขึ้น (โดยเฉพาะในภาวะที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯคงจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ขึ้นสู่ระดับ 3.25% ในการประชุมปลายเดือนมิถุนายนนี้) อันอาจจะเอื้อต่อการรักษาสมดุลในดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายสุทธิและค่าเงินบาทของไทยไม่ให้เคลื่อนไหวผันผวนมากเกินไปด้วย

ทั้งนี้ แม้ว่าข้อกังวลทางด้านการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจไทยอาจมีความเด่นชัดมากขึ้นในระยะนี้ แต่การพยายามที่จะดำรงเป้าหมายทางเศรษฐกิจในหลายๆ ด้านไปพร้อมๆ กัน ทั้งเป้าหมายการรักษาเสถียรภาพของอัตราเงินเฟ้อและฐานะดุลบัญชีเดินสะพัด รวมทั้งเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจ ด้วยการใช้เครื่องมือทางการเงินที่มีอยู่ ได้แก่ การปรับเปลี่ยนทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คงจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากของธปท.ท่ามกลางภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงเห็นว่า ในการประชุมรอบวันที่ 9 มิถุนายนนี้ ธปท.คงจะอยู่ในฐานะที่ต้องตัดสินใจเลือกให้น้ำหนักกับประเด็นเรื่องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ (อัตราเงินเฟ้อและดุลบัญชีเดินสะพัด) เป็นหลักมากกว่า เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้น่าจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโดยรวมในระดับที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับการที่ธปท.จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมและไปพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต เพราะยังมีความไม่แน่นอนว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวไปในทิศทางใดอย่างชัดเจน

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


ตลาดการเงิน