จากเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯโดยรวมที่ยังคงให้ภาพการชะลอตัวลงในลักษณะที่ไม่รุนแรง ประกอบกับ ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ที่ยังแสดงความเป็นกังวลต่อความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อ (โดยมีความเป็นห่วงว่าการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจจะไม่ทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงเร็วและมากพออย่างที่คาดหวังไว้) โดยเฉพาะภายหลังอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานทางด้านผู้บริโภคยังคงปรับสูงขึ้นมาที่ร้อยละ 2.9 ในเดือนกันยายน ซึ่งเกินขอบเขตที่เฟดน่าจะสบายใจ ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดคงจะมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ไว้เท่าเดิมที่ร้อยละ 5.25 เป็นครั้งที่สามติดต่อกันในการประชุมรอบที่ 7 ของปีในวันที่ 24-25 ตุลาคม 2549 นี้ ในขณะที่ หากสถานการณ์แวดล้อมทางเศรษฐกิจไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยราคาน้ำมันตลาดโลกไม่กลับมาปรับสูงขึ้นมากอีกในระยะข้างหน้า และเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงชะลอตัวลงได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ศูนย์วิจัยกสิกรไทยก็คาดว่า เฟดน่าจะมีความโน้มเอียงให้คงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ไว้เช่นเดิมที่ร้อยละ 5.25 ในการประชุมรอบสุดท้ายของปีในวันที่ 12 ธันวาคม
สำหรับจังหวะเวลาของการปรับเปลี่ยนนโยบายอัตราดอกเบี้ยในลักษณะที่ผ่อนคลายมากขึ้นของเฟดนั้น นอกจากจะขึ้นอยู่กับการปรับตัวของเครื่องชี้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ และราคาน้ำมันตลาดโลกในระยะถัดไปแล้ว คงจะอยู่ที่การรักษาสมดุลความเสี่ยงของเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของเฟด ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เฟดคงจะไม่ดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจนกว่าจะเห็นสัญญาณการปรับตัวลงที่ชัดเจนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน หรือไม่ก็จนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอตัวลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยที่คาดว่าการดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดน่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 เป็นอย่างเร็ว ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟดซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นไปในลักษณะที่ผ่อนคลายมากขึ้นในระยะข้างหน้า สวนทางกับนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอื่น ทั้งยุโรป อังกฤษ และญี่ปุ่น ที่มีแนวโน้มอยู่ในขาขึ้น ก็คาดว่าจะยังคงเป็นปัจจัยถ่วงค่าเงินดอลลาร์ฯให้มีแนวโน้มอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นในระยะต่อไป โดยที่เงินบาทก็คงจะได้รับอานิสงส์จากความเคลื่อนไหวดังกล่าวบ้างไม่มากก็น้อย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น