ในวันที่ 17 มกราคม 2550 นอกจากคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) จะมีการประชุมรอบแรกของปีเพื่อประเมินภาพเศรษฐกิจและกำหนดทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินตามปกติแล้ว ในวันดังกล่าว ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติตามแผนปฏิรูปกรอบการดำเนินนโยบายการเงิน ซึ่งจะมีการปรับใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายใหม่ จากเดิมใช้อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน มาเป็นอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน พร้อมๆ กับการปรับช่วงเวลาการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของสถาบันการเงินให้มีความสอดคล้องกับกำหนดการประชุมของกนง. รวมไปถึงการจำกัดขอบเขตความเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยตลาดเงินผ่านทางหน้าต่างการปรับสภาพคล่อง ณ สิ้นวันของธปท. ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า กนง.มีความโน้มเอียงที่จะกำหนดระดับอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบายใหม่ ที่ร้อยละ 5.00 ในการประชุมวันที่ 17 มกราคม 2550 เนื่องจากเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยตลาดเงินในขณะนี้ ซึ่งจะเอื้อให้จังหวะการเปลี่ยนผ่านสำหรับการประกาศใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายใหม่เป็นไปด้วยความราบรื่น (อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน มีระดับปิดเฉลี่ยที่ร้อยละ 4.91 นับตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2549 หรือการประชุมรอบก่อนหน้า จนถึงวันที่ 12 มกราคม 2550) ในขณะเดียวกัน กนง.น่าจะรอดูตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการอาจจะทำการปรับเปลี่ยนราคาสินค้าประจำปี เพื่อประเมินการส่งผ่านของราคาและแนวโน้มการปรับตัวของอัตราเงินเฟ้อในปี 2550 ได้อย่างชัดเจนมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า นโยบายอัตราดอกเบี้ยของทางการไทยยังมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงในปี 2550 นี้ อันเป็นผลจากแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลง ตลอดจนแนวโน้มในเชิงลบที่มีต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศในระยะต่อไป
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น