จากภาพรวมเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าภาวะอุปสงค์ในประเทศ ทั้งการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน จะมีทิศทางการปรับตัวที่ชะลอตัวลง เห็นได้จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนที่ยังไม่ฟื้นตัวดีขึ้น อีกทั้งแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อจะยังมีระดับต่ำและยังไม่เป็นความเสี่ยงสำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวอาจจะเอื้อให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทยมีความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนคลายลงได้อีก แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า กนง.มีความโน้มเอียงที่จะมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันไว้ที่ร้อยละ 3.50 ตามเดิม ในการประชุมรอบที่ 5 ของปีในวันที่ 18 กรกฎาคม 2550 นี้ เนื่องจากกนง.ได้แสดงท่าทีที่เชื่อมั่นว่าการใช้จ่ายภายในประเทศน่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในระยะที่เหลือของปีนี้ โดยเฉพาะหากปัญหาการเมืองทยอยคลี่คลายลงตามลำดับและไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นตามที่กังวลไว้แต่แรก โดยมีกระแสความคาดหวังในเชิงบวกมากขึ้นว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะขยายตัวในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4.0 ในปี 2550 นี้ และอาจขยายตัวสูงขึ้นได้ในปี 2551
กอปรกับ กนง.อาจจะให้น้ำหนักมากขึ้นกับแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะขยับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อันเป็นผลจากการเปรียบเทียบกับฐานที่ค่อนข้างต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน และแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกที่ผันผวนอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ กนง.อาจจะไม่ต้องการให้ระดับอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงปรับตัวลดลงไปจนส่งผลกระทบต่อการออมของประชาชนด้วยเช่นกัน สำหรับประเด็นเรื่องค่าเงินบาทนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การดำเนินนโยบายการเงินของกนง.น่าจะมุ่งเป้าหมายไปที่การรักษาเสถียรภาพของอัตราเงินเฟ้อและการขยายตัวของเศรษฐกิจเป็นหลัก มากกว่าจะเป็นการดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาท ซึ่งคงจะต้องอาศัยมาตรการในเชิงคุณภาพอื่นๆ อาทิ มาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท มาตรการส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศ เป็นต้น มาใช้ดำเนินการประกอบด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้จะคาดการณ์ว่ากนง.อาจจะมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะยืนอยู่ที่ร้อยละ 3.50 ไปจนถึงสิ้นปี 2550 นี้ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า หากภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังไม่ได้ปรับตัวดีขึ้นตามที่กนง.คาดหวังไว้ หรือสถานการณ์แวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเมืองมีความผันผวนในเชิงที่แย่ลงจากเดิม ในขณะที่แรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อยังไม่เร่งตัวสูงขึ้นมาก กนง.ก็ยังมีความยืดหยุ่นที่จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้อีกในการประชุมรอบถัดๆ ไป ตามความเหมาะสมของเหตุการณ์และปัจจัยแวดล้อม
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น