ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด คงจะมีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ไว้ที่ร้อยละ 5.25 ตามเดิมในการประชุมรอบที่ 5 ของปีในวันที่ 7 สิงหาคม 2550 นี้ โดยเฟดน่าจะยังคงให้น้ำหนักหลักอยู่ที่ความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อที่ยังไม่ปรับตัวลดลงมาอย่างชัดเจนเท่าที่คาดหวัง ในขณะที่แม้ว่าจะมีสัญญาณที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯมากขึ้น แต่การปรับตัวของเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีทิศทางที่เลวร้ายจนเฟดจำเป็นต้องรีบผ่อนคลายนโยบายอัตราดอกเบี้ยลงในระยะใกล้ กระนั้นก็ดี มีโอกาสมากขึ้นที่เฟดอาจจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงภายในสิ้นปีนี้ โดยเฉพาะหลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรและดัชนีภาคการบริการของสถาบันจัดการด้านอุปทาน (Institute for Supply Management: ISM) ออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดในเดือนกรกฎาคม ประกอบกับความวิตกกังวลที่มีอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับปัญหาในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่อาจขยายวงกว้างไปสู่ภาคเศรษฐกิจอื่น ซึ่งยังต้องติดตามการปรับตัวของเครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ตลอดจนแถลงการณ์หลังการประชุมของเฟด ที่อาจมีผลเปลี่ยนแปลงมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯในระยะถัดไป
สำหรับผลกระทบต่อไทยนั้น ทิศทางอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยหนึ่ง แต่คงจะไม่ใช่ปัจจัยหลักที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) พิจารณาในการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยของไทย แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง อาจจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก รวมทั้งเงินบาทของไทย ซึ่งเงินบาทที่อาจมีแนวโน้มแข็งค่า จะส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันของภาคการส่งออกและการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย และอาจมีผลต่อการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยของกนง.ได้เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในการประชุมวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น