ภายใต้สถานการณ์ที่การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความเสี่ยงจากปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะประเด็นทางการเมืองซึ่งกระทบความเชื่อมั่นและส่งผลให้การใช้จ่ายในประเทศยังไม่ฟื้นตัวดีขึ้นชัดเจนนัก กอปรกับความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกประเทศที่มีมากขึ้น จากผลกระทบของปัญหาสินเชื่อที่อยู่อาศัยของลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำหรือซับไพร์มของสหรัฐฯที่ลุกลามและกระทบต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลกดดันมายังการเติบโตของการส่งออกของไทย นอกเหนือไปจากประเด็นเรื่องค่าเงินบาทที่ยังคาดว่าจะมีแนวโน้มผันผวนในทิศทางที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯในระยะข้างหน้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า กนง.อาจมีความโน้มเอียงที่จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลงอีกร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 3.25 มาที่ร้อยละ 3.00 ในการประชุมรอบที่ 6 ของปีในวันที่ 29 สิงหาคม 2550 เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาวะที่ความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อยังมีระดับต่ำและไม่น่าวิตกเช่นในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม การที่กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมที่ร้อยละ 3.25 ในการประชุมรอบนี้ ก็เป็นทางเลือกที่สามารถจะเกิดขึ้นได้เช่นกัน หากกนง.ประเมินว่า ผลกระทบจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกจากปัญหาซับไพร์มที่มีต่อเศรษฐกิจไทยยังคงมีจำกัดในขณะนี้ อีกทั้งการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง เป็นสิ่งที่คาดการณ์ไว้แล้ว และกนง.มีความเชื่อมั่นว่าภาวะการใช้จ่ายหรืออุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มจะฟื้นตัวดีขึ้นหลังปัญหาการเมืองทยอยคลี่คลายลง ตลอดจนกนง.มีความเป็นห่วงต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่อาจมีค่าติดลบและส่งผลกระทบต่อการออมในระบบ ซึ่งในกรณีหลังนี้ กนง.อาจเลือกที่จะรอดูข้อมูลที่จะมีมากขึ้นในระยะข้างหน้า ก่อนจะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมรอบถัดๆ ไป (10 ตุลาคม และ 4 ธันวาคม) แทน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น