• หุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนระหว่างสัปดาห์ แต่กลับมาปิดใกล้เคียงระดับปิดสัปดาห์ก่อน
หุ้นไทยปรับตัวลงช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ตามแรงขายทำกำไรของนักลงทุนระหว่างรอปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด นำโดย กลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งจากผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ที่ออกมาน่าผิดหวัง อย่างไรก็ดีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นแรงในเวลาต่อมาซึ่งสวนทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีแรงหนุนหลักๆ จากความหวังต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หลังกระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าจีดีพีไทยปีหน้าจะโตได้ 3%
หุ้นไทยย่อตัวลงเล็กน้อยช่วงท้ายสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนมีความระมัดระวังระหว่างรอติดตามข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ช่วงปลายสัปดาห์นี้ ตลอดจนผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และผลการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า
• ในวันศุกร์ที่ 1 พ.ย. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,464.17 จุด เพิ่มขึ้น 0.05% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 40,425.26 ล้านบาท ลดลง 16.85% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.33% มาปิดที่ระดับ 338.22 จุด
• สัปดาห์ถัดไป (4-8 พ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,450 และ 1,435 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,475 และ 1,490 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ การประชุมเฟด (6-7 พ.ย.) ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของไทย ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ของบจ.ไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคบริการเดือนต.ค. ตัวเลขนำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOE ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนต.ค. ของยูโรโซน ญี่ปุ่น และจีน รวมถึงตัวเลขการส่งออกเดือนต.ค. ของจีน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น