ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตลอดสัปดาห์ ท่ามกลางแรงขายของต่างชาติ
หุ้นไทยปรับตัวลงตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุน ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิหุ้นไทยอีกครั้ง โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/66 ออกมาน่าผิดหวัง และกลุ่มโรงไฟฟ้าจากความกังวลในประเด็นที่ภาครัฐอาจพยายามตรึงอัตราค่าไฟฟ้า ทั้งนี้ การปรับ MSCI Rebalance ซึ่งมีผลในวันที่ 29 ก.พ. 2567 และแรงขายทำกำไรหลังจบช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/66 ส่งผลให้หุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายสัปดาห์ท่ามกลางแรงเทขายหุ้นบิ๊กแคปในหลายอุตสาหกรรม สวนทางกับภาพรวมตลาดหุ้นต่างประเทศที่ขยับขึ้นได้ในช่วงปลายสัปดาห์
ในวันศุกร์ที่ 1 มี.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,367.42 จุด ลดลง 2.20% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 58,557.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.55% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.01% มาปิดที่ระดับ 413.24 จุด
สัปดาห์ถัดไป (4-8 มี.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,360 และ 1,350 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,375 และ 1,385 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.พ. ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนก.พ. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.พ. ของญี่ปุ่น จีน ยูโรโซนและอังกฤษ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 ของยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลการส่งออกเดือนม.ค.-ก.พ. ของจีน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น