- ดัชนีหุ้นไทยยังคงเคลื่อนไหวผันผวนต่อเนื่องตามประเด็นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ
ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ โดยร่วงลงกว่า 50 จุดและแตะจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปีครั้งใหม่ที่ 1,056.41 จุด สอดคล้องกับภาพรวมตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลงแรงเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ตลท. มีการประกาศปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor, Dynamic Price Band และห้ามขายชอร์ตเป็นการชั่วคราว (8-11 เม.ย.) เพื่อลดความผันผวนของตลาด
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อคืนหุ้นบิ๊กแคปหลายตัว โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ พลังงาน และค้าปลีกที่ราคาปรับตัวลงไปค่อนข้างมากช่วงก่อนหน้านี้ ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นแรงในเวลาต่อมาตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศระงับใช้มาตรการภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน (ยกเว้นจีน) แต่กรอบการปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยเริ่มจำกัดในช่วงปลายสัปดาห์ท่ามกลางสัญญาณระมัดระวังของนักลงทุนก่อนวันหยุดยาวของตลาดในประเทศ ประกอบกับยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
- ในวันศุกร์ที่ 11 เม.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,128.66 จุด เพิ่มขึ้น 0.31% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 50,675.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.90% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.48% มาปิดที่ระดับ 232.35 จุด
- สัปดาห์ถัดไป (16-18 เม.ย. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,100 และ 1,085 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,145 และ 1,155 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ของบจ.ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนมี.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม ECB ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมี.ค.ของยูโรโซน อังกฤษและญี่ปุ่น ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมี.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น