ดัชนีหุ้นไทยกลับมายืนเหนือ 1,400 จุดได้อีกครั้ง ทั้งนี้หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนในช่วงก่อนผลการประชุมเฟด ประกอบกับสถานการณ์ความขัดแย้งในอิสราเอลยังคงยืดเยื้อ อย่างไรก็ดี หุ้นไทยดีดตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ หลังเฟดมีมติคงดอกเบี้ยตามตลาดคาด พร้อมส่งสัญญาณซึ่งตลาดตีความว่า เฟดอาจยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ส่งผลให้มีแรงซื้อคืนหุ้นทุกกลุ่ม นำโดย ไฟแนนซ์และเทคโนโลยีซึ่งมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากผลประกอบการไตรมาส 3/66 ของผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งที่ออกมาดีกว่าตลาดคาด
ในวันศุกร์ที่ 3 พ.ย. ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,419.76 จุด เพิ่มขึ้น 2.27% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 40,508.75 ล้านบาท ลดลง 10.39% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.82% มาปิดที่ระดับ 407.19 จุด
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (6-10 พ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,400 และ 1,385 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,430 และ 1,450 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงผลประกอบการไตรมาส 3/66 ของบจ.ไทย ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขนำเข้าและตัวเลขส่งออกเดือนก.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการบริการเดือนต.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 ของอังกฤษ ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนต.ค.ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น