หุ้นไทยปรับตัวลงเกือบตลอดสัปดาห์ ทั้งนี้หุ้นไทยร่วงลงตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ โดยเผชิญแรงฉุดหลักจากแรงขายหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งเพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากตลท. ประกาศให้เข้าเกณฑ์ต้องใช้บัญชีเงินสดในการซื้อขายหลักทรัพย์ หลังราคาหุ้นปรับขึ้นค่อนข้างร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี หุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางหุ้นภูมิภาค ประกอบกับมีแรงซื้อคืนหุ้นหลังร่วงลงแรงก่อนหน้านี้ อนึ่ง หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวแรงช่วงต้นสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวขึ้น หลังโอเปกพลัสประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนหุ้นกลุ่มแบงก์มีแรงซื้อเข้ามาก่อนการประกาศงบไตรมาส 1/66
ในวันศุกร์ (7 เม.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,577.07 จุด ลดลง 1.99% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 42,845.55 ล้านบาท ลดลง 2.36% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.30% มาปิดที่ระดับ 525.74 จุด
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (10-14 เม.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,565 และ 1,550 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,595 และ 1,615 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก และการปรับโพสิชันของนักลงทุนก่อนการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/66 ของบจ.ไทย ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. รายงานการประชุมเฟด (21-22 มี.ค.) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนก.พ. ของยูโรโซน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมี.ค. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค และดัชนีราคาผู้ผลิต
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น