- ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ และทยอยปรับตัวลงหลังรับรู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงแรก ก่อนจะดีดตัวขึ้นแรงตามตลาดหุ้นภูมิภาคในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานยังได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น หลังโอเปกเลื่อนแผนเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีกหนึ่งเดือน ขณะที่ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวขึ้นตามแรงหนุนจากประเด็นเฉพาะตัวด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงท่ามกลางแรงขายของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง ซึ่งกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้า หุ้นไทยย่อตัวลงต่อในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยเผชิญแรงขายทำกำไรหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง หลังปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงก่อนหน้านี้
- ในวันศุกร์ที่ 8 พ.ย. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,464.69 จุด เพิ่มขึ้น 0.04% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 45,966.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.71% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.74% มาปิดที่ระดับ 335.71 จุด
- สัปดาห์ถัดไป (11-15 พ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,445 และ 1,435 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,475 และ 1,485 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ของบจ.ไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 ของยูโรโซน อังกฤษและญี่ปุ่น รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น