• ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นท่ามกลางแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบล.
SET Index ดีดตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ หลังสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้เริ่มคลี่คลายและรัฐบาลเร่งออกมาตรการช่วยเหลือ ส่งผลให้มีแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคป นำโดย กลุ่มแบงก์ เทคโนโลยีและพลังงานซึ่งได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นหลังโอเปกพลัสมีมติไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในไตรมาส 1/2569 นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของทั้งสหรัฐฯ และไทยในรอบการประชุมเดือนธ.ค. นี้
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด ขณะที่นักลงทุนกลับมารอติดตามผลการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า ประกอบกับช่วงปลายสัปดาห์จะเข้าสู่ช่วงหยุดยาวของตลาดในประเทศ
• ในวันพฤหัสบดีที่ 4 ธ.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,273.77 จุด เพิ่มขึ้น 1.36% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 35,948.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.74% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.87% มาปิดที่ระดับ 216.19 จุด
• สัปดาห์ถัดไป (8-12 ธ.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,250 และ 1,230 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,285 และ 1,305 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (9-10 ธ.ค.) และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และตัวเลขส่งออก
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น