- ตลาดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค รับสัญญาณเฟดอาจใกล้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย
หุ้นไทยย่อตัวลงในช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงขายต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ
หลังจบช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/66 ประกอบกับยังไร้ปัจจัยใหม่ๆ
เข้ามากระตุ้นตลาด อย่างไรก็ดี
หุ้นไทยเริ่มพลิกมาขยับขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์
โดยมีแรงซื้อคืนหุ้นเข้ามาหนุน หลังจากหุ้นไทยปรับตัวลงติดต่อกัน 7
วันทำการ
ก่อนจะดีดตัวขึ้นแรงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค
หลังประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดอาจใกล้ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
หากเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่เหมาะสม แม้จะไม่ได้ให้กรอบเวลาที่ชัดเจนก็ตาม
สำหรับสัปดาห์นี้ หุ้นไทยปรับขึ้นถ้วนหน้าโดยเฉพาะช่วงท้ายสัปดาห์ นำโดย
หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ซึ่งคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงาน
ในวันศุกร์ที่ 8 มี.ค.
2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,386.42 จุด เพิ่มขึ้น 1.39%
จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่
40,153.90 ล้านบาท ลดลง 31.43% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.75%
มาปิดที่ระดับ 410.15 จุด
- สัปดาห์ถัดไป
(11-15 มี.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า
ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,375 และ 1,355 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400
และ 1,415 จุด ตามลำดับ
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่
ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ.
รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.
ของยูโรโซนและอังกฤษ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ. ของญี่ปุ่น
ตลอดจนยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนก.พ. ของจีน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น