• ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตลอดสัปดาห์ท่ามกลางแรงซื้อต่อเนื่องของสถาบันในประเทศ
หุ้นไทยขยับขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางแรงซื้อสุทธิต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยมีปัจจัยหนุนหลักๆ มาจากความหวังต่อเม็ดเงินลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ ซึ่งกระตุ้นแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นในภูมิภาคยังมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากคาดการณ์เรื่องแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดด้วยเช่นกัน
หุ้นไทยปรับขึ้นต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์และหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ก่อนการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ทั้งนี้หุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี (นับตั้งแต่ต้นเดือนต.ค. 2566) ที่ 1,482.02 จุด ก่อนจะลดช่วงบวกลงมาบางส่วน เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนก่อนวันหยุดยาวของตลาดในประเทศ อนึ่ง นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิหุ้นไทยติดต่อกัน 13 วันทำการ (25 ก.ย.-11 ต.ค.)
• ในวันศุกร์ที่ 11 ต.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,470.10 จุด เพิ่มขึ้น 1.79% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 52,844.60 ล้านบาท ลดลง 7.28% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.16% มาปิดที่ระดับ 343.00 จุด
• สัปดาห์ถัดไป (14-18 ต.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,455 และ 1,445 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,475 และ 1,495 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. (16 ต.ค.) ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ของบจ.ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ผลการประชุม ECB ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ย. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น