ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ ก่อนจะร่วงลงแรงในเวลาต่อมาท่ามกลางความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 2 ครั้ง หลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ ชะลอตัวน้อยกว่าตลาดคาด อย่างไรก็ดี หุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงสั้นๆระหว่างสัปดาห์ จากแรงซื้อหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง จากประเด็นเรื่องการแตกพาร์และผลประกอบการที่ออกมาดีกว่าคาด ซึ่งมีผลช่วยหนุนให้กลุ่มเทคโนโลยีปรับขึ้นสวนทางกับหุ้นกลุ่มอื่นที่ปรับตัวลงถ้วนหน้าในสัปดาห์นี้ อนึ่ง หุ้นไทยย่อตัวลงอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ หลังตัวเลขจีดีพีไทยปี 2565 โตต่ำกว่าคาด
ในวันศุกร์ (17 ก.พ.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,651.67 จุด ลดลง 0.77% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 70,974.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.39% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 6.11% มาปิดที่ระดับ 569.48 จุด
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (20-24 ก.พ.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,640 และ 1,630 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,665 และ 1,675 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ บันทึกการประชุมเฟด (31 ม.ค.-1 ก.พ.) รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนก.พ. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง ดัชนี PCE/Core PCE Price Index รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคลเดือนม.ค. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/65 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนก.พ. ของจีน ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนก.พ. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ของยูโรโซน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น