ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบเกือบตลอดสัปดาห์ท่ามกลางปริมาณการซื้อ-ขายที่ค่อนข้างเบาบาง
หุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางปริมาณการซื้อ-ขายที่ค่อนข้างเบาบาง ในขณะที่ตลาดหุ้นหลายแห่งในภูมิภาคปิดทำการในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยในช่วงต้นสัปดาห์หุ้นไทยมีแรงหนุนจากสัญญาณที่สะท้อนว่า ตลท. เตรียมคุมเข้มการทำธุรกรรม Short selling และ Program trading อย่างไรก็ดี หุ้นไทยปรับตัวลงในช่วงกลางสัปดาห์ตามแรงขายของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ หลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนประเมินว่า เฟดอาจเลื่อนช่วงเวลาปรับลดดอกเบี้ยออกไปอีก ประกอบกับมีแรงขายหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หลังผลประกอบการไตรมาส 4/66 ของผู้ประกอบการรายหนึ่งออกมาน่าผิดหวัง
หุ้นไทยกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยแม้จะมีแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปในหลายกลุ่มเข้ามาหนุน โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก แต่กรอบการฟื้นตัวยังจำกัด เนื่องจากนักลงทุนรอติดตามตัวเลขจีดีพีของไทยซึ่งจะประกาศในช่วงต้นสัปดาห์หน้า
ในวันศุกร์ที่ 16 ก.พ. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,386.27 จุด ลดลง 0.15% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 36,085.91 ล้านบาท ลดลง 14.02% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.46% มาปิดที่ระดับ 418.19 จุด
สัปดาห์ถัดไป (19-23 ก.พ.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,370 และ 1,355 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,410 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 ของไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ บันทึกการประชุมเฟด ยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค. ดัชนี PMI เดือนก.พ. (เบื้องต้น) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนก.พ. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน ตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนก.พ. ของจีน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น