• ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวน แต่ฟื้นตัวกลับมาได้ช่วงท้ายสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง
หุ้นไทยร่วงลงหลุดแนว 1,300 จุดตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ และแตะจุดต่ำสุดครั้งใหม่ในรอบกว่า 3 ปี 7 เดือนที่ 1,281.87 จุดในระหว่างสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการเมืองในประเทศซึ่งส่งผลให้เกิดแรงเทขายทำกำไรในหุ้นทุกอุตสาหกรรม นำโดย กลุ่มแบงก์ซึ่งมีประเด็นกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการ อย่างไรก็ดี SET Index ขยับขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนหลักจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานรับอานิสงส์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น และกลุ่มเทคโนโลยีตามทิศทางหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
หุ้นไทยกลับมายืนเหนือ 1,300 จุดได้อีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ โดยมีปัจจัยบวกจากตัวเลขส่งออกเดือนพ.ค. ของไทยที่ขยายตัวดีกว่าคาด อานิสงส์จากรายงานข่าวว่ารัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเร็วๆ นี้ รวมถึงแรงซื้อคืนหุ้นก่อนที่มาตรการ Uptick Rule จะมีผลวันที่ 1 ก.ค. 2567 อนึ่งนักลงทุนต่างชาติยังคงมีสถานะขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องในสัปดาห์นี้
• ในวันศุกร์ที่ 21 มิ.ย. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,306.41 จุด ลดลง 0.01% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,258.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.99% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.93% มาปิดที่ระดับ 352.60 จุด
• สัปดาห์ถัดไป (24-28 มิ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,295 และ 1,280 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,315 และ 1,330 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุนของภาครัฐ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ประเด็นการเมืองในประเทศและทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล และดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือนพ.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ กำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.ของจีน ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. ของญี่ปุ่น ตลอดจนดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขการคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ของยูโรโซน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น