• ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังเกี่ยวกับความชัดเจนในประเด็นการเมืองในประเทศ
ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลบางส่วนต่อประเด็นการเมืองในประเทศ (หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้น.ส.แพทองธาร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงก่อน) โดยประเมินว่าน่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายในระยะเวลาไม่นาน ประเด็นดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปในหลายกลุ่ม นำโดย กลุ่มไฟแนนซ์ ค้าปลีก พลังงาน ตลอดจนปิโตรเคมีที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยย่อตัวลงช่วงสั้น ๆ ระหว่างสัปดาห์ตามแรงขายทำกำไรของต่างชาติโดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก่อนจะดีดตัวขึ้นอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีปัจจัยหนุนจากคาดการณ์เรื่องการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในรอบการประชุมเดือนก.ย. นี้ ท่ามกลางสัญญาณที่อ่อนแอของตลาดแรงงานสหรัฐฯ นอกจากนี้ การโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในช่วงท้ายสัปดาห์ก็เป็นอีกปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน
• ในวันศุกร์ที่ 5 ก.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,264.80 จุด เพิ่มขึ้น 2.28% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 42,259.94 ล้านบาท ลดลง 9.79% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.40% มาปิดที่ระดับ 252.34 จุด
• สัปดาห์ถัดไป (8-12 ก.ย. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,240 และ 1,225 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,270 และ 1,285 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นการเมืองในประเทศ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม ECB ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค. ของญี่ปุ่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ของญี่ปุ่นและอังกฤษ ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น