• หุ้นไทยเผชิญแรงขายทำกำไร หลังปรับตัวขึ้นแรง 2 สัปดาห์ติดต่อกัน
หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนจะปรับตัวลงในเวลาต่อมาตามแรงขายทำกำไร (หลังจากปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงในช่วงก่อนหน้านี้) โดยเฉพาะจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันในประเทศ นอกจากนี้การปรับตัวลงของหุ้นไทยในระหว่างสัปดาห์ยังสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางการปรับมุมมองของตลาดที่ประเมินว่าเฟดจะไม่เร่งลดดอกเบี้ย ประกอบกับยังมีความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 5 พ.ย. 2567 นี้ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี หุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่จากคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 เข้ามาหนุน ประเด็นดังกล่าวหนุนให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น สวนทางกับภาพรวมที่ปรับตัวลงถ้วนหน้า อนึ่ง ปริมาณการซื้อขายในสัปดาห์นี้ค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุน
• ในวันศุกร์ที่ 25 ต.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,463.42 จุด ลดลง 1.77% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 48,619.45 ล้านบาท ลดลง 27.16% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.95% มาปิดที่ระดับ 337.11 จุด
• สัปดาห์ถัดไป (28 ต.ค.-1 พ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,450 และ 1,435 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,475 และ 1,490 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ของบจ.ไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค. รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนก.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน การประชุม BOJ ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น จีน และอังกฤษ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น